วันพฤหัสบดีที่ 28 มกราคม พ.ศ. 2553

บันทึกช่วยจำของ "เหลียงจี้จาง"

คุณพี่พิเชษฐ์ รุจิรัตน์ Pichet Ruchirat [pichet3330@hotmail.com]
สมาชิกเซอร์ร่ากลุ่มบ้านโป่ง ส่งเรื้องนี้มาให้อ่านและวิเคราะห์กัน

บันทึกช่วยจำของ "เหลียงจี้จาง" อ่านเถอะ ดีมากๆ

“เหลียงจี้จาง” เป็นพิธีกรดังของ TVB ในฮ่องกง และเป็นนักเขียนด้วย บันทึกช่วยจำที่เขาเขียนให้ลูก ได้รับการเผยแพร่เป็นวงกว้างเมื่อไม่นานมานี้ นอกจากแสดงถึงความห่วงหาอาทรที่พ่อมีต่อลูก เฉกเช่นคุณพ่อทั่วๆ ไป มุมมองของเขาบางเรื่อง (แบบสังคมฮ่องกง) แม้บางคนจะเคยประสบมาบ้างเหมือนกัน อ่านแล้วก็ยังอดอึ้งไม่ได้ เลยถ่ายทอดสู่กันฟัง...

ลูกรัก.. ที่พ่อเขียนบันทึกช่วยจำฉบับนี้ให้ลูก มีเหตุผลอยู่ 3 ประการ คือ
1. สรรพสิ่งล้วนอนิจัง จะมีชิวิตอยู่ได้อีกนานเท่าใดไม่มีใครบอกได้ พ่อจึงคิดว่า บางเรื่องพ่อน่าจะสั่งเสียไว้แต่เนิ่นๆ ย่อมจะดีกว่า
2. เพราะพ่อเป็นพ่อของลูก ถ้าพ่อไม่บอกลูก ไม่มีใครหรอกที่เขาจะบอกลูกแบบที่พ่อบอก
3. สิ่งที่พ่อบันทึกไว้นี้ ล้วนเป็นประสบการณ์อันแสนเจ็บปวดที่พ่อได้เรียนรู้มา มันจะทำให้ลูกไม่ต้องเสียเวลาไปเรียนรู้มันอีก

ในชีวิตของลูก ขอให้จำสิ่งต่างๆ เหล่านี้ไว้ให้ดี

1. คนที่ไม่ดีต่อเรา ไม่ต้องไปใส่ใจนัก ในชีวิตคนเรา ไม่มีใครมีหน้าที่ที่จะต้องมาดีต่อเรา ยกเว้นพ่อกับแม่ของลูก สำหรับคนที่ดีกับลูก นอกจากลูกต้องหวงแหนและขอบคุณเขาแล้ว ยังต้องคอยระวังตัวไว้ด้วย เพราะคนเราทุกคน ทำอะไรย่อมมีจุดประสงค์ เขาทำดีกับลูก ใช่ว่าเขาจะทำเพราะชอบลูกเสมอไป ลูกต้องตระหนักจุดนี้ให้ดี อย่าเพิ่งรับเขาเป็นเพื่อนเร็วเกินไป (น่ากลัวไหม)

2. ไม่มีคนที่ทดแทนกันไม่ได้ และไม่มีสิ่งใดที่ต้องมีให้ได้ ถ้าเข้าใจจุดนี้ หากวันใดคนข้างกายของลูกไม่ต้องการลูกอีกต่อไป หรือวันใดที่ลูกต้องเสียสิ่งที่รักที่สุดไป ลูกจะได้เข้าใจว่า นี่ไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตายอะไรเลย

3. ชีวิตนี้แสนสั้น (จะอยู่แค่ 160 ปีเอง) หากลูกยังใช้ชีวิตอย่างไม่เห็นคุณค่า พรุ่งนี้ลูกจะพบว่า ชีวิตจะหลุดลอยไปไกลยิ่งขึ้น ดังนั้น ยิ่งรู้จักถนอมชีวิตเร็วเท่าใด เวลาที่ลูกจะได้รับความสุขจากชีวิตก็จะยิ่งมากขึ้นเท่านั้น หาความสุขเสียแต่วันนี้ ดีกว่านั่งหวังให้มีอายุยืนนาน

4. ในโลกนี้ไม่มีเรื่องรักนิรันด์กาล ความรักเป็นเพียงความรู้สึกชั่ววูบ โดยความรู้สึกนี้ย่อมเปลี่ยนไปตามกาลเวลาและอารมณ์ หากสิ่งที่ลูกรักมากที่สุดจากลูกไป ขอให้รอคอยอย่างอดทน ให้เวลาช่วยชะล้าง ให้จิตใจค่อยๆ ตกตะกอน แล้วความทุกข์ของลูกจะค่อยๆ จางหายไป.. อย่าวาดหวังความรักให้สวยเกินไป และอย่าซ้ำเติมการอกหักให้ทุกข์เกินเหตุ

5. แม้ว่าคนหลายคนที่ประสบความสำเร็จในโลกนี้ไม่ได้เรียนมาสูง แต่ไม่ได้หมายความว่า ห ากไม่ขยันเรียนแล้วจะได้ดี ความรู้คืออาวุธ คนเราอาจสู้แล้วรวย แต่ไม่มีทางรวยได้หากปราศจากอาวุธสู้.. จำไว้

6. พ่อจะไม่ขอให้ลูกเลี้ยงดูครึ่งชีวิตหลังของพ่อ เพราะพ่อก็จะไม่เลี้ยงดูครึ่งชีวิตหลังของลูกเช่นกัน เมื่อลูกโตพอจนเป็นอิสระได้แล้ว พ่อก็หมดหน้าที่แล้วเช่นกัน หลังจากนั้นไป ลูกจะนั่งรถเมล์หรือจะนั่งรถเบ๊นซ์ จะกินหูฉลามหรือจะกินบะหมี่ยำๆ ลูกต้องเลือกเอง

7. ต้องทำดีต่อผู้อื่น แต่อย่าหวังว่าผู้อื่ นต้องทำดีต่อเรา เราปฏิบัติต่อผู้อื่นอย่างไร มิได้หมายความว่าผู้อื่นก็จะปฏิบัติตอบต่อเราในแบบเดียวกัน.. ลูกต้องเข้าใจในข้อนี้ จะได้ไม่หาทุกข์ใส่ตัวโดยไม่จำเป็น

8. พ่อซื้อล๊อตเตอรี่มาตลอดชีวิต ยังยากจนเหมือนเดิม แม้แต่รางวัลเลขท้ายยังไม่เคยถูกเลย นี่เป็นบทพิสูจน์ว่า คนเราจะเจริญก้าวหน้าได้ ต้องขยันขันแข็งอย่างเดียวเท่านั้น ในโลกนี้ไม่มีมื้อเที่ยงที่ไม่ต้องเสียตังค์ (No free lunch)

9. ญาติ มิตร หรือสหาย ล้วนเป็นกันชาตินี้ชาติเดียว ฉะนั้น จงหวนแหนโอกาสที่ได้อยู่ด้วยกันและแสนมีค่านี้ เพราะในชาติหน้า ไม่ว่าท่านจะรักใครหรือชังใคร ท่านก็จะไม่มีโอกาสได้พบกันอีก (หมายเหตุ ถึงพบกันก็ไม่รู้)

127 ความคิดเห็น:

XมO_AoM กล่าวว่า...

คนที่ไม่ดีต่อเรา จะบอกว่า ไม่ต้องไปสนใจมันก็ไม่ใช่

แต่ถ้าเราเก็บมาสนใจมาก มันก็จะเหมือนเอาตัวเองไปขึ้น

กับคนอื่น จนชีวิตไม่มีความสุขไปอีก เพราะฉะนั้นทำอะไร

เราก็คงเอาความเป็นจริง

และความพอดีเป็นหลักในชีวิตจะดีกว่า

**ถ้ามัวคิดแต่เขาจะไม่ทำดีกับเรา ก็เลยไม่รับคนนั้นเป็นเป็น ถ้าคิดอย่างนั้นอย่ามีเพื่อนเลยดีกว่า เราต้องเข้าใจว่าไม่มีใครจะดีกับเราไปได้มากกว่าพ่อแม่ของเราอยู่แล้ว

นางสาวธิติญา มะมูดี กลุ่ม 45 เลขที่ 2 กล่าวว่า...

ดีค่ะบทความนี้ ได้ทำให้เรารู้ว่าในชีวิตเรานอกจากความสุขที่เราทุกคนต้องการที่จะได้แล้วก็ยังมีความรัก และยิ่งกว่านั้นก็คือความรักที่พ่อมอบให้กับลูก ต้องการที่จะให้ลูกมีความสุข โดยเลือกที่จะพยายามสอนลูกในเรื่องของความไม่แน่นอนเป็นหลัก ดีค่ะชอบๆๆๆ
นางสาวธิติญา มะมูดี กลุ่ม 45 เลขที่ 2

Pu กล่าวว่า...
ความคิดเห็นนี้ถูกผู้เขียนลบ
ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

ข้อความนี้ดีมากค่ะ แสดงถึงประสบการณ์จริงที่พ่อได้สอนลูก ให้ข้อคิดหลายอย่าง ในเรื่องความรักที่ไม่ยั่งยืน เราไม่ควรวาดฝันกับความรักสูงเกินไป ความรักอาจทำให้เราเจ็บปวดแต่ความเจ็บปวดนั้นเมื่อเวลาผ่านไปความเจ็บปวดก็จะบรรเทาลง ดังคำกล่าวที่ว่า "วันเวลารักษาใจ" นางสาวแววตา บุ่นจันทึก กลุ่ม 50 เลขที่ 11

Unknown กล่าวว่า...

เป็นบทความที่อ่านแล้วรู้สึกประทับใจทุกข้อเลยค่ะ ทุกขัอล้วนสอนในสิ่งที่เป็นจริง สอนให้รู้จักความอดทน ชี้ให้เห็นสิ่งที่เราควรทำ และเห็นด้วยกับบทความตอนหนึ่งที่กล่าวถึง ว่าอย่าไปสนใจว่าใครจะทำดีหรือไม่ทำดีต่อเราเพราะไม่มีใครทำดีกับเราได้เท่า พ่อกับแม่ ของเรา ท่านทำด้วยความบริสุทธิ์ใจ ด้วยรัก และเมตตาต่อลูกอยากให้ลูกเติบโตขึ้นมาเป็นคนดี และไม่มีใครรักเราเท่าพอกับแม่อีกแล้ว
นางสาวศิริพร บุญประจง กลุ่ม45 เลขที่ 20

pornchanok กล่าวว่า...

ชอบตรงที่กล่าวว่าพ่อเป็นพ่อของลูกถ้าพ่อไม่บอกแล้วใครจะบอก ทำให้คิดได้ว่าหากเราไม่ฟังคำสอนของพ่อแล้วเราจะฟังใคร และคิดว่าเป็นคำสอนที่ดีนะคะเพราะเขาใช้ประสบการณ์ของเขามาสอน ซึ่งนอกจากจะสอนได้เฉพาะลูกๆของเขาแล้ว ก็สามารถนามาสอนคนอื่นได้อีกด้วย เพราะทุกข้อที่เขากล่าวก็ล้วนเป็นความจริง
นอกจากนี้บทความ ยังทำให้สัมผัสถึงความรักที่พ่อมีต่อลูกด้วยค่ะ
นางสาวพรชนก พิทักษ์ศิลป์ กลุ่ม 50 เลขที่ 14

Namtarn กล่าวว่า...

รู้สึกชอบหลายๆข้อ อย่างเช่นที่บอกว่าชีวิตนี้ช่างแสนสั้น ก็จริงอย่างที่ผู้เชียนว่าจริงๆ เพราะเราจะตายวันนี้หรือพรุ่งนี้ก็ไม่มีใครสามารถคาดเดาได้ ควรถนอมชีวิตไว้ให้ดีๆ รอบคอบและไม่ควรประมาทค่ะ และก็ที่บอกไว้ว่าเราควรทำดีต่อผู้อื่น แต่ไม่ต้องหวังว่าผู้อื่นจะดีตอบหรือไม่ และข้อสุดท้ายคือ ที่ผู้เขียนพูดถึงเรื่องล็อตเตอรี่ ดิฉันเชื่อว่าไม่มีใครที่จะร่ำรวยเพราะโชคชะตา ถึงมีก็โอกาสน้อยมาก เราไม่ควรหวังจะพึ่งโชคชะตาอย่างเดียว เราควรมีความขยันขันแข็ง ถึงจะมีความเจริญก้าวหน้าค่ะ

นางสาวศรีประไพ ศรีวิเศษ
กลุ่ม 50 เลขที่ 18

เพนกวินหลังอาน กล่าวว่า...

บทความนี้เป็นบทความที่ดีมาก มีการแฝงข้อคิดต่างๆ ไว้มากมาไม่ว่าจะเป็นคำกล่าวที่ว่า "ในโลกนี้ไม่มีเรื่องรักนิรันด์กาล ความรักเป็นเพียงความรู้สึกชั่ววูบ โดยความรู้สึกนี้ย่อมเปลี่ยนไปตามกาลเวลาและอารมณ์ "
เพราะความรักเป็นสิ่งที่ทำให้เกิดทั้งความทุกข์และความสุขได้ เราต้องอย่าวาดหวังความรักให้สวยเกินไปโดยหวังว่าความรักต้องเป็นไปในแบบที่เราต้องการ เราควรที่จะเผื่อใจไว้บ้าง และอย่าซ้ำเติมการอกหักให้ทุกข์เกินเหตุเพราะจะเป็นการทำร้ายตัวเองให้ปลักอยู่กับความทุกข์ความเศร้าหมอง

นางสาว ศิริมาดา รัมเนตร กลุ่ม 45 เลขที่ 47

Am Pla กล่าวว่า...
ความคิดเห็นนี้ถูกผู้เขียนลบ
Am Pla กล่าวว่า...

ชอบบทความนี้มาก เพราะเป็นคำสอนของพ่อหนูสนิทกับพ่อมาก อ่านแล้วรู้สึกประทับใจ
โดยเฉพาะ แม้ว่าคนหลายคนที่ประสบความสำเร็จในโลกนี้ไม่ได้เรียนมาสูง แต่ไม่ได้หมายความว่า หากไม่ขยันเรียนแล้วจะได้ดี ความรู้คืออาวุธ คนเราอาจสู้แล้วรวย แต่ไม่มีทางรวยได้หากปราศจากอาวุธสู้.. จำไว้

นี่เป็นตอนที่สอนให้ดิฉันคิดถึงคำพูดของพ่อที่เคยบอกดิฉันไว้ในตอนเรียนมัธยมปลาย


และบทความนี้เป็นบทความที่ให้ข้อคิดดีค่ะ ชื่นชม

นางสาวจุฑามาศ จิมานัง กลุ่ม50 เลขที่23

FernWa กล่าวว่า...

บทความนี้เป็นบันทึกที่ไม่ได้มีไว้เฉพาะสอนลูกของ"คุณเหลียงจี้จาง"เท่านั้นแต่สามารถใช้เป็นแนวทางการดำเนินชีวิตในสังคมของคนทั้งโลกได้อย่างดีเลยทีเดียวบันทึกทุกข้อที่เค้าเขียนมาล้วนเป็นสิ่งที่ดีสามารถนำมาประยุกต์ใช้ได้กับชีวิตจริงๆและรู้สึกชอบบันทึกข้อที่กล่าวถึงการซื้อล็อตเตอรี่ซื้อเท่าไรมันก็ไม่ถูกสักทีเราต้องมีความขยันขันแข็งซึ่งมันทำให้รุ้ว่าในโลกนี้ไม่มีอะไรได้มาฟรีๆและอีกข้อหนึ่งก็คือไม่มีใครมีหน้าที่ที่จะต้องมาดีกับเรายกเว้นพ่อกับแม่ เป็นสิ่งที่เป็นจริงและควรที่จะจดจำไว้ในชีวิตของเรา
นางสาวศิริกาญจน์ เรืองเดช กลุ่ม 45 เลขที่15

paradise กล่าวว่า...

ชอบอย่างแรงค่ะ หมดทุกข้อเลย โดยเฉพาะที่ว่า
"ต้องทำดีต่อผู้อื่น แต่อย่าหวังว่าผู้อื่ นต้องทำดีต่อเรา เราปฏิบัติต่อผู้อื่นอย่างไร มิได้หมายความว่าผู้อื่นก็จะปฏิบัติตอบต่อเราในแบบเดียวกัน.. ลูกต้องเข้าใจในข้อนี้ จะได้ไม่หาทุกข์ใส่ตัวโดยไม่จำเป็น"
มันทำให้คิดถึงตัวเองค่ะเพราะเราต้องใช้ชีวิตร่วมกับผู้อื่น ย่อมมีความผูกพันกัน ซึ่งดิฉันก็ชอบทำดีกับคนที่ดิฉันรักหรือบุคคลอื่นโดยไม่หวังสิ่งตอบแทน.....อยู่เสมอๆๆ
นลินรัตน์ รักพาณิชย์ เลขที่ 40 กลุ่ม50 52180072

paradise กล่าวว่า...

ชอบมากมายค่ะ อ่านแล้วได้อะไรมากกว่าที่คิด เป็นมุมมองปัญหาที่แตกต่าง ซึ่งเป็นวิธีคิดที่ทำให้ตัวเองอยู่ได้อย่างมีความสุข ให้ข้อคิดในการดำเนินชีวิตที่เอาไปใช้ได้จริง ซึ่งบางข้อนั้นอ่านแล้วอึ้งจริงๆค่ะ อย่างเช่น
"ไม่มีคนที่ทดแทนกันไม่ได้ และไม่มีสิ่งใดที่ต้องมีให้ได้" หรือ "พ่อจะไม่ขอให้ลูกเลี้ยงดูครึ่งชีวิตหลังของพ่อ เพราะพ่อก็จะไม่เลี้ยงดูครึ่งชีวิตหลังของลูกเช่นกัน" แต่ข้อที่ชอบมากที่สุดคือ ต้องทำดีต่อผู้อื่น แต่อย่าหวังว่าผู้อื่นต้องทำดีต่อเรา เราปฏิบัติต่อผู้อื่นอย่างไร มิได้หมายความว่าผู้อื่นก็จะปฏิบัติตอบต่อเราในแบบเดียวกัน.. เพราะในชีวิตจริงในแต่ละวันเราไม่สามารถขีดเส้นหรือเขียนบทละครให้ตัวเองได้ เราก็เป็นแค่ตัวละครตัวหนึ่งบนโลก ที่ถูกกำหนดบทบาทโดยความสัมพันธ์กับคนอื่น และสถานการณ์ที่ทำให้เราต้องเปลี่ยนสีตัวเองอยู่ตลอดเวลา...

paradise กล่าวว่า...

ชอบมากมายค่ะ อ่านแล้วได้อะไรมากกว่าที่คิด เป็นมุมมองปัญหาที่แตกต่าง ซึ่งเป็นวิธีคิดที่ทำให้ตัวเองอยู่ได้อย่างมีความสุข ให้ข้อคิดในการดำเนินชีวิตที่เอาไปใช้ได้จริง ซึ่งบางข้อนั้นอ่านแล้วอึ้งจริงๆค่ะ อย่างเช่น
"ไม่มีคนที่ทดแทนกันไม่ได้ และไม่มีสิ่งใดที่ต้องมีให้ได้" หรือ "พ่อจะไม่ขอให้ลูกเลี้ยงดูครึ่งชีวิตหลังของพ่อ เพราะพ่อก็จะไม่เลี้ยงดูครึ่งชีวิตหลังของลูกเช่นกัน" แต่ข้อที่ชอบมากที่สุดคือ ต้องทำดีต่อผู้อื่น แต่อย่าหวังว่าผู้อื่นต้องทำดีต่อเรา เราปฏิบัติต่อผู้อื่นอย่างไร มิได้หมายความว่าผู้อื่นก็จะปฏิบัติตอบต่อเราในแบบเดียวกัน.. เพราะในชีวิตจริงในแต่ละวันเราไม่สามารถขีดเส้นหรือเขียนบทละครให้ตัวเองได้ เราก็เป็นแค่ตัวละครตัวหนึ่งบนโลก ที่ถูกกำหนดบทบาทโดยความสัมพันธ์กับคนอื่น และสถานการณ์ที่ทำให้เราต้องเปลี่ยนสีตัวเองอยู่ตลอดเวลา...
นางสาวอัญชิสา สุขสนธิสมบูรณ์ เลขที่ 22 กลุ่ม 50 52180030

กรุ๊งกริ๊ง กล่าวว่า...

อ่านบทความนี้แล้วคิดถึงพ่อมากเลยค่ะ

เพราะมีบางบทความพ่อเคยบอกเรา พ่อคอยพูดอยู่เป็นประจำว่าพอโตขึ้นพ่อจะไม่ได้มาดูแลหนูแล้ว หนูต้องเลือกเอาทำอะไรด้วยตัวเอง ต้องอดทน และในบันทึกช่วยจำของ เหลียงจี้จาง เรื่องนี้ เป็นเรื่องที่ทุกคนต้องเจอ และทำให้เราได้ทราบว่าเราควรจะทำอย่างไร พร้อมที่จะรับมือกับมันมากน้อยเพียง

นางสาวเรือนแก้ว บุญโถน กลุ่ม ๔๕ เลขที่ ๔๓

Chon.W กล่าวว่า...

โหหหห
ชอบมากค่ะ
เป็นบทความที่ดีมาก
อ่านแล้วได้ข้อคิดดีๆหลายอย่าง
และก็ต้องชี่นชมคุณพ่อที่ดีมากจริงๆ

สอนให้มองหลายมุม
สอนให้รู้จักเผื่อความเสียใจ
สอนให้เห็นคุณค่าของการมีชีวิตเพื่ออยู่อย่างมีคุณค่า
สอนให้รู้จักรักในการศึกษาเล่าเรียน ความารู้มีคุณค่าเสมอ
สอนให้ทำดีเพื่อความสุขที่จิตใจ
สอนให้รู้จักเจริญก้าวหน้าด้วยขาของเราเอง
สอนให้รักครอบครัว(คนจีนมากๆ)

ดีค่ะเป็นคำสอนที่ดีมาก

ปล.อยู่กลุ่มอื่นค่ะแต่อยากอ่าน

XมO_AoM กล่าวว่า...

เห็นด้วยกับทความที่กล่าวว่า ความรักเป็นเพียงแค่ความรู้สึกชั่ววูบ มันย่อมเปลี่ยนแปลงไปตามอารมณ์และกาลเวลา เพราะว่าบางทีเรารักกันอยู่ดีๆ แต่เมื่อมีเหตุการณ์ใดเหตุการณ์หนึ่งเข้ามาแทรกแซงจนเกิดปัญหา ถ้ามันมากไปความรักก็ไม่อาจคงอยู่กับเราได้ มันก็ต้องจบไป และคนไหนที่ดีกับเรา เราควรที่จะขอบคุณเขา ส่วนคนที่เขาทำไม่ดีกับเราจะบอกว่าไม่ต้องใส่ใจก็ไม่ได้เมื่อสังคมคนเรามันต้องอยู่ด้วยกัน ต้องพึ่งพาอาศัยกัน แต่ก็ไม่ต้องใส่ใจกับพวกมันมากจนเกินควรเพราะมันทำให้เกิดความทุกข์กับเราเอง ไม่ได้มีใครมาทุกข์กับเรา สุดท้าย ชีวิตนี้มันสั้นนัก ทุกอย่างล้วนอนิจจัง ควรมีชีวิตอยู่กับปัจจุบัน ไม่ใช่อยู่กับอดีต อดีตแม้มันจะมีความสุขแค่ไหนแต่เมื่อปัจจุบันมันไม่ใช่แบบนั้นแล้ว อดีตก็ไม่เคยทำให้ใครมีความสุขเลย

น.ส. ประภาวรรณ สำราญกิจ กลุ่ม 50 เลขที่ 28

องค์หญิงฟูฟ่อง กล่าวว่า...

เห็นด้วยกับบทความที่ว่า ต้องทำดีต่อผู้อื่นแต่อย่าไปหวังว่าผู้อื่นจะต้องทำดีกับเรา เพราะไม่ใช่ทุกคนที่จะคิดว่าเราทำดีด้วย บางครั้งที่เราทำไปมันอาจจะดีในความคิดเรา แต่ไม่ถูกใจเขา เขาก็จะไม่ปฏิบัติตอบกลับมาให้เราแบบดีๆหรอก
เขาอาจจะทำเมินเฉย หรือทำอะไรที่ร้ายกลับมาให้เราก็ได้ แล้วมันก็เป็นสิทธิ์ที่เขาสามารถทำได้ซะด้วยสิ ถูกต้องไหมล่ะ ..


น.ส. โสภาพรรณ บุญภูมิ 52180027 กลุ่ม 50 เลขที่ 20

แพทย์ไทยATTM#4 กล่าวว่า...

บทความนี้มีทั้งเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย เช่นการที่พ่อสอนลูกว่าจงจำประสบการณ์ที่พ่อได้ประสบมาให้ดีจะได้ไม่ต้องเสียเวลาเรียนรู้อีกเช่นบอกว่าคนที่ขยันเท่านั้นจึงจะประสบความสำเร็จได้ ก็จริงอยู่แต่ใครล่ะที่จะประสบผลสำเร็จก่อนกันถ้าหากเรามีโอกาสที่ดีก็ย่อมทำให้เราประสบความสำเร็จเร็วขึ้นบวกกับความฉลาดที่จะเรียนรู้ตามคนเก่ง และบทความที่บอกว่าไม่มีใครหรอกที่จะดีกับเราเสมอไปอย่าคิดว่าคนที่เขามาทำดีกับเราเขาจะหวังดีกับเราจริงๆ ถ้าอ่านดูแล้วก็พอรู้ว่าผู้เขียนเป็นผู้มีทัศนคติค่อนข้างลบ แต่หากเราลองเปลี่ยนทัศนคติเป็นทางบวกประกอบกับการมีวิจารณญาณที่ดีเราย่อมรู้จักแยกแยะว่าสิ่งใดดีหรือไม่ดี และโลกของเราก็จะสดใสขึ้นเยอะ
ชื่อนางสาวยลสร สุทธิรัตตัญญู กลุ่ม 50 เลขที่ 46

aun ojomo กล่าวว่า...

จากบทความนี้ทำให้ดิฉันรู้สึกว่ามีทั้งข้อดีและข้อเสียเช่นข้อความที่กล่าวว่าชีวิตนี้แสนสั้นนักควรรีบขวนขวายความสุขตั้งแต่วันนี้ดีว่าจะมาค่อยหวังให้ชีวิตยืนยาว จากบทความนี้ถ้ามองเพียงผิวเผินก็อาจจะมีส่วนจริงอยู่ทีว่าเราไม่รู้หรอกว่าวันพรุ่งนี้เราจะมีลมหายใจอยู่หรือเปล่าดังนั้นเราจึงต้องรีบเติมเต็มความสุขให้มากที่สุดแต่หากเราลองมองให้ลึกๆแล้วจะพบว่าบางครั้งในวันที่เรายังมีลมหายใจอยู่เราก็สามราถหาความสุขได้แต่ก็ต้องอยู่บนเส้นทางแห่งความไม่ประมาทและควรใส่ใจว่าเราควรจะต้องทำอย่างไรเพื่อให้เรามีชีวิตที่ยืนยาวต่อไปได้ก็ย่อมเป็นสิ่งที่ดีกว่าเราจะละเลยหรือไม่ใส่ใจเลย
นางสาวศิรินทรา ชำวงค์ กลุ่ม 50 เลขที่ 19

Toeay jung กล่าวว่า...

หนูคิดว่า เหลียงจี้จาง เป็นพ่อที่มีศิลปะในการสอนลูกได้ดีมากๆเลยทีเดียว
หนูชอบคำสอนที่ว่า "ต้องทำดีต่อคนอื่น แต่อย่าหวังว่าผู้อื่นจะทำดีกับเรา" เป็นการสอนให้เราทำในสิ่งที่ดีต่อคนอื่นโดยไม่หวังผลตอบแทน และทำให้เราสบายใจไม่ต้องไปรอว่าคนอื่นจะมาทำดีกับเราอีกด้วย
ปล.แต่ถ้ามีใครมาทำในสิ่งที่ไม่ดีกับเราก็ให้คิดซะว่าเราคงเคยทำสิ่งที่ไม่ดีกับเขาไว้ในชาติที่แล้ว ชาตินี้เราต้องมาชดใช้คืนแก่เขา จะได้ไม่ต้องเป็นคนเจ้าคิดเจ้าแค้น ต้องมานั่งคิดมากโดยเปล่าประโยชน์

นายสุพัส รัตนปรีดากุล กลุ่ม 50 เลขที่ 52

NiicHiiZ กล่าวว่า...

บทความนี้ให้ข้อคิดเยอะมากๆค่ะ
ชอบตรงที่พ่อบอกว่า ไม่มีใครดีเท่าพ่อแม่ และซื้อล็อตเตอร์รี่มาตลอดชีวิตแต่ก็ยังยากจนเหมือนเดิม ไม่มีอะไรที่เราหาไม่ได้ถ้าเราขยัน เป็นบทความที่ลูกๆ หรือคนทั่วๆไปควรอ่านมากๆ ทำให้ได้คติในการดำเนินชีวิตเพิ่มขึ้นคะ

นางสาวณิชมน คงเมือง กลุ่ม 45 เลขที่29

กรุณา สีชมภู
คณะศึกษาศาสตร์
สาขาการสอนภาษาญี่ปุ่น
มหาวิทยาลัยบูรพา
กล่าวว่า...

บทความนี้แสดงถึงความรัก ห่วงใย ถึงอนาคต
ของพ่อที่มีต่อลูก พ่อ เป็นบุคคลที่หวังดีกับเราเสมอ ท่านสอนให้เรา รู้จักเอาตัวรอด เข้าใจชีวิต และ
สอนการปฏิบัติกับผู้อื่น สอนให้รู้จักจัดการกับชีวิตของ
ตัวเอง เพื่ออนาคตและความสุขภายภาคหน้า
หลังจากอ่านบทความนี้แล้วคิดถึงพ่อค่ะ จำได้ว่าพ่อของหนู ก็เคยสอนสิ่งเหล่านี้เหมือนกัน และคงจะถึงเวลาสักที
ที่จะจดคำสอนของพ่อ ไว้เป็นข้อๆ
แล้วย้อนกลับมาดูบ้าง ว่าหนูยังไม่ได้ทำข้อไหนที่พ่อสอนบ้าง รวมถึงบทความนี้ก็จะเป็นส่วนหนึ่งในแนวทางดำเนินชีวิต ต่อไปค่ะ

น.ส. กรุณา สีชมภู กลุ่ม 45 เลขที่ 20

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

เป็นบทความที่อ่านแล้วรู้สึกดีมากๆเลยค่ะ
แต่ละข้อนั้นมีแต่สอนให้คิดเป็นบทความที่
พ่อสอนลูกได้ดีมากๆเลยค่ะ
อ่านแล้วคิดถึงพ่อที่บ้านจังเลย


นางสาวเยาวรัตน์ แก้วฉาย กลุ่ม 33 เลขที่ 6

โบว์วี่ กล่าวว่า...

นางสาวนฤมล ชืนแผ้ว กลุ่ม 45 เลขที่ 18

บทความนี้ให้ข้อคิดดีมากค่ะ แสดงถึงประสบการณ์จริงที่พ่อได้สอนลูก
จริงอยู่ที่ว่าถ้าพ่อไม่บอกลูก ไม่มีใครหรอกที่จะบอกลูกเหมือนที่พ่อบอก
คนที่เขาทำไม่ดีกับเราเราก็ไม่ต้องไปใส่ใจเขาปล่อยๆเขาไป เขาจะทำอะไรก็เรื่องของเขา
ถ้าเรายังไปแคร์ไปใส่ใจกับเรื่องไร้สาระแบบนี้เราก็จะเครียดเปล่า
ในโลกนี้มีคนที่รักเราโดยไม่หวังสิ่งตอบแทนมีอยู่แค่ 2 คน คือ พ่อ กับ แม่เท่านั้น

Educational Technology กล่าวว่า...

ดิฉันคิดว่า บทความเรื่องบันทึกช่วยจำของเหลียงจี้จาง
เป็นการสอนให้เราตระหนักได้ถึงสัจธรรมที่เป็นจริง บทความนี้ถ่ายทอดความรู้สึกความรักความหวังดีที่พ่อมีต่อลูก ให้ลูกๆได้ตระหนักและเห็นได้ว่า ไม่มีใคครที่ไหนจะรักและหวังดีต่อเราเท่าพ่อแม่ของเราเอง และพ่อแม่ก็ทำได้เพียงอบรมสั่งสอนลูก แต่สิ่งสำคัญคือลูกทุกคนควรที่จะรู้ว่าควรจะปฎิบัติตนอย่างไร

ชอบข้อที่บอกว่าไม่มีใครจะหวังดีกับเรานอกจากพ่อแม่ของเรา และเราควรที่จะหวงแหนช่วงเวลาดีๆที่ได้อยู่ด้วยกันไว้ให้มาก

นางสาวณัฐชา อินโต กลุ่ม45เลขที่36
รหัส 52041030

gigzy กล่าวว่า...

บันทึกเรื่องเหลียงจี้จาง เป็นบทความที่ดีมาก ได้สอนอะไรเราหลายๆ อย่างที่ควรค่าแก่การดำเนินชีวิต เป็นบทเรียน คำสอนที่ทำให้มนุษย์เรายกระดับจิตใจให้สูงขึ้นได้ และอยากให้ลูกๆ ทุกคนได้มาอ่านบทความนี้กันทุกคน มันจะทำให้เราเกิดความรู้สึกประทับใจอย่างมาก และที่สำคัญ ไม่มีใครรักเราไปกว่าคุณพ่อ คุณแม่ของเราจริง ๆค่ะ

นางสาวพนิดา อุดม กลุ่ม 45 เลขที่ 30

From Fang กล่าวว่า...

บทความนี้ดีมากค่ะ ทำให้รู้ว่าไม่มีความรักใดจะดีและก็จริงใจกับเรา ได้เท่ากับพ่อแม่ของเราอีกแล้ว
ถ้าพ่อไม่บอกแล้วใครจะบอก ดีมากๆค่ะ
ซึ่งก็มีข้อคิดแฝงหลายๆอย่างค่ะ เช่น ต้องขยันทำงาน ไม่ใช่หวังรวยจากล็อกเตอรี่ค่ะ ทำดีต่อผู้อื่นโดยที่ไม่หวังผลตอบแทน และก็ของฟรีไม่มีในโลกค่ะ
ทุกๆคนล้วนแล้วแต่เป็นจริงและก็นำไปใช้ได้ทุกๆข้อคะ

นางสาวสาธิญา นครภัณฑ์ 52070174 กลุ่ม 50 เลขที่10

น้ำอุ่น กล่าวว่า...
ความคิดเห็นนี้ถูกผู้เขียนลบ
น้ำอุ่น กล่าวว่า...

บันทึกช่วยจำของ เหลียงจี้จาง สิ่งที่ เหลียงจี้จางเขียนบ่งชี้ให้เห็นถึงความรักของบุคคลที่เป็นบิดามารดาที่คือคนที่รักเราที่สุด ท่านไม่ได้ต้องการเราเลี้ยงดูยามเมื่อท่านชราภาพแต่ขอแค่ให้เราใช้ชีวิตอย่างมีคุณค่าสามารถอยู่ในสังคมที่ต้องเจอปัญหาในทุกๆด้านได้และเมื่อเราโตพอที่จะออกไปเผชิญโลกสิ่งที่เราทำนั่นคือการตัดสินใจของเราไม่ว่าจะถูกหรือผิดอย่างไรนั่นก็คือสิ่งที่เราเลือกตัดสินใจทำมันเองและต้องยอมรับกับผลที่ตามให้ได้ไม่ว่าจะดีหรือร้ายก็ตาม ประสบการณ์ต่างๆที่ท่านได้ประสบมาหรือเรียกว่าอาบน้ำร้อนมาก่อนคือชีวิตจริงที่ต้องเผชิญในโลก สังคมที่แสนจะวุ่นวายในทุกวันนี้

บทความนี้สามรถทำให้ใครหลายๆคนย้อนกลับมาคิดถึงตัวเองได้ข้อคิดๆในชีวิตซึ่งทุกข้อมีความประทับใจและนับว่าเป็นคำสอนที่ดี

นางสาวแก้วนภา กลิ่นจันทร์กลั่น
กลุ่ม 45 เลขที่ 10

marry กล่าวว่า...

เป็นบทความที่ดีมากเลย
เพราะเป็นเรื่องราวที่มาจากประสบการณ์ทั้งนั้น
เป็นข้อความที่ดีสอนให้รู้ของเขารู้ว่าทุกสิ่งทุกอย่างในโลกนี้มันมีหลากหลายรูปแบบแต่ล่ะคนต่างจิตต่างใจบางคนดีบางคนไหมดี และทำให้รู้เขานำเขาประสบการณ์ที่พ่อเขาเครื่องให้มาปรับใช้ในชีวิตไม่ต้องบอกว่าต่อลูกเขาหรอกต่อทุกคนที่อ่านบทความนี้
เพราะเป็นบทความที่สอนให้รู้ว่าชีวิตเป็นยังไงในโลกนี้
นางสาว แก้วทิพย์ ทองทั่ว กลุ่ม 50 เลขที่ 24

marry กล่าวว่า...

มันเป็นบทความที่ดีมาเป็นการสอนประสบการณ์ที่ผ่านมาในชีวิตของเขาให้ลูกของเขารับรู้ว่าการที่เขามาถึงจุดนี้ได้ต้องผ่านอะไรมาบ้างเจอทั้งสิ่งที่ดีแล้วก็สิ่งที่ไม่ดีแล้วทำยังไงเราจะผ่านมันไปได้
มันเป็นบทความที่ดีมากเลย
มันเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นจริงกับชีวิตของเรา
ความหลากหลายในชีวิต
บนความนี้เป็นบทความที่สอนให้คนมีความอดทนต่อทุกอย่างเป็นข้อความที่ดีจริงๆๆน่านำไปใช้ในชีวิตประจำวัน

นางสาวแก้วทิพย์ ทองทั่ว กลุ่ม 50 เลขที่ 24

NAMYEN กล่าวว่า...

ชอบบทความนี้มากจริงๆค่ะ

"ไม่มีคนที่ทดแทนกันไม่ได้ และไม่มีสิ่งใดที่ต้องมีให้ได้" หรือ "พ่อจะไม่ขอให้ลูกเลี้ยงดูครึ่งชีวิตหลังของพ่อ เพราะพ่อก็จะไม่เลี้ยงดูครึ่งชีวิตหลังของลูกเช่นกัน" พ่อของดิฉันเคยสอนเเบนี้เช่นกันว่า
อนาคตเป็นของตัวฉัน อยากทำอนาคตให้ดีหรือไม่ ฉันต้องเลือกและตัดสินใจเอง เพราะท่านจะไม่เข้ามายุ่งเเกี่ยววุ่นวายด้วยอีก เพราะทั้งชีวิตที่มีของฉัน ฉันเองต้องเป็นผู้กำหนดมัน และเคยบอกเสมอว่า สิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเรา มันจะค่อยๆสอนเราเอง



นางสาวจรีย์พร เสือน้อย กลุ่มที่ 45 เลขที่ 17 คณะศึกษาศาสตร์ เอกการสอนภาษาญี่ปุ่น

mai กล่าวว่า...

จากที่ได้อ่านบทความนี้ ให้ข้อคิดได้ดีอย่างมากทำให้รู้เลยว่าโลกเนี้ยไม่ได้มีพร้อมให้เราทุกอย่าง การได้มาซึ้งต้องการนั้นย่อมต้องขวนขวายมาด้วยตนเองทั้งนั้นบทความนี้ทำให้ได้รู้อีกว่าว่าชีวิตหนึ่งที่อยู่ในแต่ละวันควรเลือกสิ่งดีๆ คบคนดีๆ หาสิ่งดีๆให้ตัวเองชีวิตนี้ก็มีความสุขแล้ว
นางสาว รพีพรรณ เกิดกันการ กลุ่ม 45 เลขที่ 42

smartillusion กล่าวว่า...

ขอบคุณครับอาจารย์ที่นำบทความดีๆมาให้ผมอ่าน อ่านแล้วรู้สึกมีกำลังใจในการสู้ชีวิตมากมายเลยครับ รู้สึกว่าชีวิตนี้ยังมีอะไรอีกเยอะจริงๆที่เราต้องเรียนรู้ แต่ที่ชอบที่สุดคือข้อที่แปดครับ เพราะหลายครั้งผมก็หวังโชคชะตาจนลืมมองไปว่าไม่มีอะไรได้มาฟรีๆ ทำให้ต่อไปนี้ผมไม่กล้าเดาข้อสอบอีกแล้วครับจะอ่านๆๆๆหนังสืออย่างตั้งใจแล้วครับ

MR.pUtTaRaPhOn P.
ATTM#4
52180016 No.15 ^^

Thx!

smartillusion กล่าวว่า...

Group 50

nonenara กล่าวว่า...

บทความเรื่อง เหลียงจี่จาง
เป็นบทความที่ดีมีการให้แนวคิดเกี่ยวกับการใช้ชีวิตได้อย่างดีดังเช่นในเรื่องของ ความอดทน ความรักของพ่อกับแม่ ที่ไม่มีใครจะมาเปรียบเทียบได้ และสามารถนำมาเป็นคติในการดำเนินชีวิตในปัจจุบันได้เป็นอย่างดี


นางสาวพรชนัน รอดทรัพย์
กลุ่มที่ 45 เลขที่ 38

benniiz กล่าวว่า...

สำหรับบทความเรื่องนี้ ได้ให้ข้อคิดทุกข้อซึ่งในแต่ละหัวข้อก็มีข้อคิดที่หลากหลายเช่น บางคนทำดีกับเราแต่เราไม่ได้คิดอะไรมากนักเค้าอาจจะต้องการผลประโยชน์บางสิ่งในตัวเราก็ได้ แต่คนที่ดีที่สุดคนที่เป็นห่วงและหวังดีกับเราเสมอมานั้นก็คือพ่อแม่ของเรา ท่านไม่ได้ต้องการอะไรมากแค่อยากให้เราเป็นคนดีและประสบความสำเร็จในชีวิตเท่านั้นท่านก็ภูมิใจในตัวเราแล้ว

บทความเรื่อง "เหลียงจี้จาง" นั้น ถ้าบุคคลใดที่ได้อ่านก็จะทำให้ได้ข้อคิดและนำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้

นางสาว เลิศลักษณ์ เทียนเนียม กลุ่ม45 เลขที่44

ACHIRAYA กล่าวว่า...

บทความนี้ ให้แง่คิดในการดำเนินชีวิต
เป็นคำสอนที่ใช้ภาษาง่าย ที่ใช้สอนลูก
กับประสบการณ์ที่พ่อพบเจอมาในชีวิต
และนำมาสอนลูก
อ่านแล้วรู้สึกซึ้งมาก....

แต่ถ้ามองอีกมุมนึง
บางข้อความก็สอนให้เรามองโลกในแง่ร้ายไปหน่อย
เช่น ที่บอกว่า"ในโลกนี้ไม่มีอะไรได้มาฟรีๆ"
อ่านผิวเผินก็เป็นข้อความที่ทำให้เรามีความระมัดระวังมากขึ้น แต่ถ้ามองอีกมุมนึงก็ทำให้เราระแวงในการใช้ชีวิตเช่นกัน

SeungRii กล่าวว่า...

จากบทความของเหลียงจี้จางนั้น
ทั้ง9ข้อสามารถนำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้ทั้งหมดอย่างเช่นข้อ3นั้นเราได้ใช้ชีวิตตามปกติถึงเวลาเรียนก็เรียนแม้บางครั้งอาจจะปล่อยเวลาที่่มีค่าไปโดยไม่ได้คิดถึงมันแต่พอมาคิดถึงเราก็รู้สึกเสียดายเวลานั้นและไม่สามารถกลับไปแก้ไขสิ่งนั้นได้อีกแล้ว เวลาเรามีความสุขเราก็อยากจะเก็บความรู้สึกนั้นไว้ตลอดไปแต่เวลามีความทุกข์อยากจะลืมแต่กลับจำมันไว้ตลอดเวลา
ผู้ที่ดูแลทะนุถนอมเรามาตั้งแต่เด็กและให้กำลังใจเราเสมอมานั้นคือพ่อแม่

นางสาว อังศุมาลิน สุขศิริ กลุ่ม45 เลขที่ 51

ACHIRAYA กล่าวว่า...

บทความนี้เป็นข้อความที่นำมาประยุกต์ใช้กับชีวิตประจำวันได้มาก เป็นข้อความที่เขียนด้วยภาษาที่เรียบง่าย เล่ามาจากประสบการณ์ตรงที่พ่อได้เจอมา และอยากจะสอนลูก เป็นบทความแสดงถึงความรักของพ่อที่มีต่อลูก ที่ไม่อยากให้ลูกเจอกับเหตุการณ์ดังกล่าวแบบที่ตนเคยเจอมา...

แต่ถ้ามองอีกมุมนึง...
บางข้อความที่ทำให้เรารู้จักใช้ชีวิตอย่างระมัดระวังมากขึ้น อย่างเช่น "โลกนี้ไม่มีสิ่งใดได้มาฟรีๆ" แต่ถ้าเรามองอีกแง่นึงก็ทำให้เราระแวง และมองโลกในแง่ร้ายเช่นกัน

น.ส.อชิรญาณ์ รมยศิริไทย
กลุ่ม50 เลขที่32

phiw's generation กล่าวว่า...
ความคิดเห็นนี้ถูกผู้เขียนลบ
phiw's generation กล่าวว่า...

บทความนี้เป็นบทความที่ดีมากๆๆ เพราะช่วยเตือนให้เีรารู้ว่าในโลกนี้คนที่รักเรามากที่สุดก็คือ พ่อแม่ ผู้ให้กำเนิดเรานี่เอง ถึงแม้ว่าในชีวิตเรา จะมีคนมารักมากมาย แต่ถ้าเทียบกันแล้ว มันก็ไม่มีความรักใดจะยิ่งใหญ่เท่าความรักของพ่อแม่

ถึงแม้เราจะมีคนรัก... แต่พ่อแม่ก็รักมากกว่า
ถึงแม้เราจะมีคนที่หวังดี... แต่พ่อแม่ก็หวังดีมากกว่า
ถึงแม้เราจะมีคนที่คิดถึง... แต่ก็ต้องคิดถึงพ่อแม่มากกว่า

และถึงแม้เราจะรักใคร... ก็อย่าลืมว่าต้องรักพ่อแม่ให้มากกว่าด้วยเช่นกัน

นางสาวพิมพ์ชนก เชื้อเวียง
กลุ่ม 45 เลขที่ 40

400202 Educational Technology กล่าวว่า...

ชอบมาก ๆ ๆๆๆๆ ๆๆ เลยคะ
เป็นเรื่องราวที่สอนผู้ที่เป็นลูกให้เติบโตด้วยคำสอนของ
ผู้เป็นพ่อ ที่เคยมีประสบการณ์ในการใช่ชีวิต
และได้นำบทเรียนที่ผ่านมานั้น มาสอนลูก
เพื่อให้ลูกนั้นสามารถใช้ชีวิต และเอาตัวรอด ในสังคมได้อย่างมีความสุข
เพราะเนื่องจากสังคมในปัจจุบันนี้ ต่างคนต่างเอาตัวรอด เห็นแก่ตัว ทำได้ทุกอย่างแม้สิ่งที่ทำนั้นมันจะผิดก็ตาม และบทความนี้ก็จะเป็นเหมือนตัวอย่าง และแนวทางคอยช่วยเตือนสติผู้เป็นลูกได้อย่างดี ถึงแม้ว่าวันข้างหน้าจะไม่มีพ่อและแม่แล้วก็ตาม


น.ส.วันเพ็ญ จันทน์วัฒนาผล สาขาการสอนภาษาญี่ปุ่น
กลุ่ม 45 เลขที่ 46

wonbin_aey กล่าวว่า...

บทความนี้บอกให้เรารู้ว่า

ในโลกนี้ไม่มีใครที่รักและจริงจังกับเราเท่าพ่อกับแม่ของเรา

ทำอะไรควรนึกถึงพ่อกับแม่บ้าง

ใครไม่แคร์เรา หรือไม่รักเรา ยังไงเราก้ยังมีพ่อกับแม่ที่รักเรา

นางสาวนิษา สุวรรณวงศ์ กลุ่ม 45 เลขที่ 25 เอกการสอนภาษาญี่ปุ่น คณะศึกษาศาตร์

Deksasuk กล่าวว่า...

บทความนี้มีความน่าสนใจมากคะ

เห็นด้วยกับบทความนี้นะคะสรรพสิ่งในโลกนี้ล้วนแล้วแต่เป็นอนิจจังไม่มีอะไรที่เที่ยงแท้แน่นอน

ชอบบทความนี้ตรงที่กล่าวว่าคนที่ไม่ดีต่อเรา ไม่ต้องไปใส่ใจนัก ในชีวิตคนเรา ไม่มีใครมีหน้าที่ที่จะต้องมาดีต่อเรา ยกเว้นพ่อกับแม่ของลูก ต้องทำดีต่อผู้อื่น แต่อย่าหวังว่าผู้อื่ นต้องทำดีต่อเรา เราปฏิบัติต่อผู้อื่นอย่างไร มิได้หมายความว่าผู้อื่นก็จะปฏิบัติตอบต่อเราในแบบเดียวกัน.. ลูกต้องเข้าใจในข้อนี้ จะได้ไม่หาทุกข์ใส่ตัวโดยไม่จำเป็น


คนเราถ้าจะทำอะไรให้ใครสักคนก็ควรที่จะทำโดยไม่หวังผลตอบแทนใดๆ หากเราคาดหวังกับใครมากๆ เวลาผิดหวังเราก็จะเสียใจมากเช่นกัน การทำดีอย่าทำเฉพาะกับคนที่เรารัก แม้คนที่เราไม่ชอบก็ควรทำดีด้วย

บทความเรื่องนี้ใช้เป็นข้อคิดและคติสอนใจเรา ใช้เป็นแนวทางในการดำเนินชีวิตได้ หากเรารู้จักเอามาปรับใช้และต้องคิดให้ดีก่อนว่าอันไหนควรทำตามอันไหนไม่ควรทำตาม

นางสาวสายฝน มัดหา กลุ่ม 50 เลขที่ 7

G'Kapookzaa กล่าวว่า...

จากบทความนี้มันทำให้หนูรู้สึกว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่มาจากพ่อกับแม่มันเป็นความรู้สึกที่มีค่ามากที่สุด เพราะฉะนั้นเราจึงควรที่จะเชื่อฟังคำสั่งสอนของท่าน ปฏิบัติตนเป็นคนดีเพื่อให้ท่านภูมิใจ จากบทความทำให้สะท้อนเห็นภาพในตัวเองหลายอย่าง จนรู้สึกได้ว่าตนเองทำผิดต่อท่านมาก จึงคิดว่าจะนำไปปรับใช้กับชีวิตประจำวันเพื่อทำให้ชีวิตดีขึ้น และยังเป็นบทความที่อ่านแล้วทำให้รักพ่อมากขึ้นด้วยค่ะ เนื่องจากขณะที่อ่านทำให้นึกถึงหน้าพ่อที่กำลังสอนสั่งให้เราเป็นคนดี จึงอยากกลับไปกราบพ่อสักครั้ง..เราควรที่จะทำเพื่อนท่านมากที่สุดก่อนที่จะไม่มีวันนั้น>>
ปล.รักที่ยิ่งใหญ่(พ่อจ๋า)

นางสาวณัฐชา พงษ์วิรัตน์ กลุ่ม 50 เลขที่ 25

MOMING กล่าวว่า...

ต้องทำดีต่อผู้อื่น แต่อย่าหวังว่าผู้อื่ นต้องทำดีต่อเรา เราปฏิบัติต่อผู้อื่นอย่างไร มิได้หมายความว่าผู้อื่นก็จะปฏิบัติตอบต่อเราในแบบเดียวกัน.. ลูกต้องเข้าใจในข้อนี้ จะได้ไม่หาทุกข์ใส่ตัวโดยไม่จำเป็น

โอ้โห้ชอบสุดๆๆ ค่ะ
อ่านแล้วทำให้คิดอะไรในหลายๆอย่าง
ทำให้คิดถึงการใช้ชีวิตในความเป็นจริงที่ตัวเราทำอยู่ค่ะ
ชอบมาก ตรงที่ว่า ต้องทำดีต่อผู้อื่น แต่อย่าหวังว่าผู้อื่ นต้องทำดีต่อเรา เราปฏิบัติต่อผู้อื่นอย่างไร มิได้หมายความว่าผู้อื่นก็จะปฏิบัติตอบต่อเราในแบบเดียวกัน.. ลูกต้องเข้าใจในข้อนี้ จะได้ไม่หาทุกข์ใส่ตัวโดยไม่จำเป็น

เพราะว่า พ่อหนูเพิ่งสอน บอกมาเมื่อวานนี้เองค่ะ

เป็นคำสอนที่ตรงๆๆๆ เพราะหนูเจอมากับตัวเองอย่างจัง
แล้วตัวเองก็เป็นทุกข์เสียเอง

นางสาวปรีเปรมพร เรียงผา กลุ่ม 50 เลขที่ 13

Polly_Pha กล่าวว่า...

เท่าที่อ่านมา เห็นด้วยทั้งหมดทั้งสิ้นค่ะ แต่ข้อที่ว่า
"ไม่มีคนที่ทดแทนกันไม่ได้ และไม่มีสิ่งใดที่ต้องมีให้ได้ ถ้าเข้าใจจุดนี้ หากวันใดคนข้างกายของลูกไม่ต้องการลูกอีกต่อไป หรือวันใดที่ลูกต้องเสียสิ่งที่รักที่สุดไป ลูกจะได้เข้าใจว่า นี่ไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตายอะไรเลย"
มันก็จริงที่ว่า ไม่มีคนที่ทดแทนกันไม่ได้ แต่ฟังดูแล้วมันดูไม่ค่อยจริงใจเท่าไหร่นัก สรุปว่าไม่ค่อยเห็นด้วยกับข้อนี้ค่ะ

MachiiZ กล่าวว่า...

ชอบมากเลยค่ะ ..บทความนี้เป็นบทความที่ทำให้เราคิดได้หลายได้อย่าง,,เห็นด้วยกับบทความที่ว่า คนที่ไม่ดีต่อเรา ไม่ต้องไปใส่ใจนัก ในชีวิตคนเรา ไม่มีใครมีหน้าที่ที่จะต้องมาดีต่อเรา ยกเว้นพ่อกับแม่ของลูก

บทความนี้ฟังแล้วกินใจมากเลยค่ะ,,
อ่านแล้วคิดท่านจัง


นางสาวเบญญภา สมชอบ กลุ่ม 45 เลขที่ 26

MachiiZ กล่าวว่า...
ความคิดเห็นนี้ถูกผู้เขียนลบ
NiSAchoN กล่าวว่า...
ความคิดเห็นนี้ถูกผู้เขียนลบ
NiSAchoN กล่าวว่า...

9 ข้อนี้ บอกถึงความจริงของมนุษย์บนโลกนี้ได้ดีจังค่ะ
โดยเฉพาะข้อนี้.. แม้ว่าคนหลายคนที่ประสบความสำเร็จในโลกนี้ไม่ได้เรียนมาสูง แต่ไม่ได้หมายความว่า ห ากไม่ขยันเรียนแล้วจะได้ดี ความรู้คืออาวุธ คนเราอาจสู้แล้วรวย แต่ไม่มีทางรวยได้หากปราศจากอาวุธสู้.. จำไว้ จะจำไว้ ไม่ลืมแน่นอนเลยค่ะ แค่ ขยัน ก็อยู่ได้อย่าง สบาย สบาย

น.ส.นิศาชล ชะเอมทอง เลขที่ 24 กลุ่ม 45 52040518

^-^จอยเบมาเร้วจ้า^-^ กล่าวว่า...

หนูชอบประโยคที่ว่า

"ต้องทำดีต่อผู้อื่น แต่อย่าหวังว่าผู้อื่นต้องทำดีต่อเรา"

เพราะสิ่งที่มนุษย์ทุกคนหวังคืออยากให้คนอื่นมาทำดีด้วย แต่ไม่ค่อยจะทำดีกับผู้อื่น หากทุกคนคิดได้แบบนี้โลกของเราคงพบกับสันติสุขในไม่ช้านี้

น.ส.สุธาทิพย์ อ่อนช้อย เลขที่ 32 กลุ่ม 45

ซูซี่ กล่าวว่า...

เมื่อได้อ่านบทความ

ก้อรู้สึกประทับใจบทความที่ว่า
"หาความสุขเสียแต่วันนี้ ดีกว่านั่งหวังให้มีอายุยืนนาน"
เพราะ ให้ข้อคิดว่า คนเราหากอยากให้อนาคตสดใส
ก้อควรเริ่มต้นทำมันเสียตั้งแต่วันนี้ อย่าได้รอเวลาเป็นขาด

น.ส.จุฑารัตน์ โพศิริ เลขที่ 5 กลุ่ม 45

ความสุขของกะทิ ^^ กล่าวว่า...

บทความนี้ทำให้ดิฉันคิดถึงคุณพ่อของดิฉัน
เพราะคุณพ่อของดิฉันจะสอนดิฉันเสมอว่า
"คนที่ไม่ดีต่อเรา ไม่ต้องไปใส่ใจนัก"
ทั้งยังสอนดิฉันอีกว่า เราควรใ่ส่ใจคนที่รักเรามากเพื่อเราและเขาจะได้คงความเป็นมิตรกันตลอดไป

น.ส.อัมพวัน ปิ่นวิหค เลขที่ 4 กลุ่ม 45

Thai-Generation กล่าวว่า...

จากการที่ได้อ่านบทความ
ผมเห็นด้วยกับการให้ความสำคัญกับญาติ พี่น้อง เพราะนอกจากห่อแม่แล้วบุคคลที่เกื้อหนุนเรา ก็คือบุคคลเหล่านั้น หากเราจะกตัญญูต่อบุคคลเหล่านั้นก็เหมือนเป็นการเกื้อกูลตัวเองเช่นกัน

นายสุทธิรักษ์ คำพานนท์ เลขที่ 9 กลุ่ม 45

^^นู๋น๋อยหมวกแดงก่าBlogเด็กดี^^ กล่าวว่า...

บันทึกช่วยจำของ "เหลียงจี้จาง"

เปรียบเหมือนเป็นมรดกที่สำคัญที่พ่อมอบไว้ให้ลูกของตนเมื่อได้อ่านก็เกิดความประทับใจในเรื่องที่ว่า
"แม้ว่าคนหลายคนที่ประสบความสำเร็จในโลกนี้ไม่ได้เรียนมาสูง แต่ไม่ได้หมายความว่า ห ากไม่ขยันเรียนแล้วจะได้ดี ความรู้คืออาวุธ คนเราอาจสู้แล้วรวย แต่ไม่มีทางรวยได้หากปราศจากอาวุธสู้.. จำไว้"

ทำให้เราเห็นว่าการศึกษานั้นสำคัญต่อชีวิต
การมีการศึกษาและความรู้จะทำให้เข้าสู่ความสำเร็จอย่างง่ายดาย

นางสาวนัฏฐา แตงก่ำ
เลขที่ 6 กลุ่ม 45

.*.:PiNkU._.Kw@ng:.*. กล่าวว่า...

บทความเป็นบทความที่ดีมีคุณค่ามากๆ

สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันได้

เป็นความจริงที่หลายๆคนอาจจะเคยประสบกันมาบ้าง

และอาจจะก่อให้เกิดปัญหาความยุ่งยากในชีวิต

แต่คนเรามักเป็นประเภทเจ็บแล้วไม่จำ

พอปัญหานั้นได้คลี่คลายและผ่านพ้นไป ประเดี๋ยวเดียว

ก็ลืมกันหมด แต่ถ้าเรามีการบันทึกเหมือนกับ"บันทึก
ช่วยจำของ "เหลียงจี้จาง"

พอปัญหากลับมาอีกครั้งจะได้ไม่ต้องมานั่งทุกข์ใจ คิดไม่ตกอีก

ดังประโยคหนึ่งในบทความที่กล่าวว่า

"สิ่งที่พ่อบันทึกไว้นี้ ล้วนเป็นประสบการณ์อันแสนเจ็บปวดที่พ่อได้เรียนรู้มา มันจะทำให้ลูกไม่ต้องเสียเวลาไปเรียนรู้มันอีก"

และมีอีกส่วนในบทความที่ข้าพเจ้าเห็นด้วยมากๆคือ

คนที่ไม่ดีกับเรา ไม่ต้องไปใส่ใจนัก ไม่มีใครในชีวิตที่ดีกับเรามากไปกว่าพ่อกับแม่ของเรา

เรามีโอกาสที่จะมีเพื่อนดีๆอีกมากมาย แต่ในชีวิตนี้เรามีพ่อกับแม่ได้แค่สองคน เพราะฉะนั้นเราควรแคร์พ่อกับแม่ให้มากที่สุด

....................

นางสาวสุภาวดี ชาปัทมะ รหัสนิสิต 52180059 กลุ่มที่ 50 เลขที่ 30

★•peeraya•★ กล่าวว่า...

***ในโลกนี้ไม่มีเรื่องรักนิรันด์กาล ความรักเป็นเพียงความรู้สึกชั่ววูบ โดยความรู้สึกนี้ย่อมเปลี่ยนไปตามกาลเวลาและอารมณ์ หากสิ่งที่ลูกรักมากที่สุดจากลูกไป ขอให้รอคอยอย่างอดทน ให้เวลาช่วยชะล้าง ให้จิตใจค่อยๆตกตะกอน แล้วความทุกข์ของลูกจะค่อยๆจางหายไป..
อย่าวาดหวังความรักให้สวยเกินไป และอย่าซ้ำเติมการอกหักให้ทุกข์เกินเหตุ



ชอบบทความนี้มากเลยค่ะ
อ่านแล้วได้แง่คิดหลายๆอย่าง

นางสาวพีรยา ศาลางาม กลุ่ม45 เลขที่41
เอกการสอนภาษาญี่ปุ่น

paypor กล่าวว่า...

เป็นบทความที่ดีมากจริง ๆคะ
...ชีวิตนี้แสนสั้น (จะอยู่แค่ 160 ปีเอง) หากลูกยังใช้ชีวิตอย่างไม่เห็นคุณค่า พรุ่งนี้ลูกจะพบว่า ชีวิตจะหลุดลอยไปไกลยิ่งขึ้น ดังนั้น ยิ่งรู้จักถนอมชีวิตเร็วเท่าใด เวลาที่ลูกจะได้รับความสุขจากชีวิตก็จะยิ่งมากขึ้นเท่านั้น หาความสุขเสียแต่วันนี้ ดีกว่านั่งหวังให้มีอายุยืนนาน
...ชีวิตคนเราจะอยู่ต่อถึงวันพรุ่งนี้หรือไม่ ไม่มีใครรู้แต่สิ่งที่ควรทำคือ ทำวันนี้ให้ดี มีความสุข และไม่ทำให้ผู้อื่นได้รับความทุก นั้นเป็นสิ่งที่เราทำได้ขณะนี้ เดี๋ยวนี้ เท่านั้น

นางสาวพัชริดา ทองอร่าม เลขที่ 1 กลุ่มที่ 45

paypor กล่าวว่า...
ความคิดเห็นนี้ถูกผู้เขียนลบ
ACHIRAYA กล่าวว่า...

จากบทความที่ได้อ่าน ทำให้เราได้แง่คิดในการดำเนินชีวิต เป็นข้อความที่เขียนด้วยภาษาง่ายๆ ไม่ซับซ้อน บอกเล่าถึงประสบการณ์จริงที่พ่อได้เจอมา และอยากจะสอนลูก เพราะไม่อยากให้ลูกเจอแบบที่ตนเองได้เจอมา...

แต่ถ้ามองอีกมุมนึง....
ข้อความบางอย่างที่ให้แง่คิด เช่น "ไม่มีสิ่งใดในโลกได้มาฟรีๆ" เป็นข้อความที่ทำให้เราระมัดระวังในการใช้ชีวิตประจำวันมากขึ้น แต่ถ้ามองอีกด้านนึงก็สามารถทำให้เรามองทุกอย่างในแง่ลบ และมองโลกในแง่ร้ายได้

ACHIRAYA กล่าวว่า...

จากบทความที่ได้อ่าน ทำให้เราได้แง่คิดในการดำเนินชีวิต เป็นข้อความที่เขียนด้วยภาษาง่ายๆ ไม่ซับซ้อน บอกเล่าถึงประสบการณ์จริงที่พ่อได้เจอมา และอยากจะสอนลูก เพราะไม่อยากให้ลูกเจอแบบที่ตนเองได้เจอมา...

แต่ถ้ามองอีกมุมนึง....
ข้อความบางอย่างที่ให้แง่คิด เช่น "ไม่มีสิ่งใดในโลกได้มาฟรีๆ" เป็นข้อความที่ทำให้เราระมัดระวังในการใช้ชีวิตประจำวันมากขึ้น แต่ถ้ามองอีกด้านนึงก็สามารถทำให้เรามองทุกอย่างในแง่ลบ และมองโลกในแง่ร้ายได้


นางสาวอชิรญาณ์ รมยศิริไทย
กลุ่ม50 เลขที่32

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

จากบทความนี้ กระผมมีความรู้สึกชื่นชมในความรักที่พ่อคนหนึ่งพึงมีให้แก่บุตรของตน
เกิดความประทับใจอย่างยิ่งกับ เรื่อง การสอนให้ลุกของตนมองว่าความรักเป็นเพียงความรู้สึกชั่ววูบ
และอย่าได้จมปรักอยู่กับรักที่มิอาจหวนคืน แต่จงอยู่กับตนเองและเวลาก็จะช่วยบรรเทาทุกอย่างเอง

นายภาณุวัฒน์ ศิริรุ่งฤดี 52040161
เลขที่ 9 กลุ่ม 45

W@_V@ กล่าวว่า...

บทความนี้เป็นบทความที่ดีมากสำหรับเป็นแบบ
อย่างและข้อคิดเพื่อที่จะใช้ในการดำเนินชีวิตเพราะ
นี่ก็คือเรื่องจริงของชีวิตมนุษย์ที่จะต้องประสบพบเจอ

-หากห้องสว่างมากแล้วไฟดับลงในทันที อาจไม่สามารถมองเห็นอะไรได้ แต่ถ้าห้องนั้นมืดอยู่แล้ว
เมื่อเราปรับสายตาได้ในที่มืดก็จะสามารถมองเห็นได้-

ชีวิตของคนเรานั้นอาจจะไม่ได้พอเจอแต่สิ่งที่ดีๆเท่านั้น
แต่เมื่อเวลาอันเลวร้ายนั้นมาถึง ถ้าเราปรับตัวให้ยอมรับและเข้ากับเรื่องเหล่านั้นได้ เราก็จะสามารถใช้ชีวิตอยู่ต่อไปอย่างมีความสุขได้...

นางสาวกชวรรณ เจริญผล กลุ่ม 50 เลขที่ 33

fun^_^อ้อ++!!!!!!!!อะไรยังงัย กล่าวว่า...

บทความนี้ให้ข้อคิดกับเราได้มาก เป็นคำสอนที่พ่อ แม่ทุกคนจะสอนลูกเพราะรักและหวังดี ทุกๆข้อล้วนเป็นจริง หากเราลองใช้วิจารณญาณและทัศนคติทางความคิดดีๆ ซึ่งโดยรวมแล้วก็คือ รู้จักปล่อยวาง มองโลกในแง่ดี รู้จักรักพี่น้อง ให้อภัยและขยันหมั่นเพียร..........


เพราะชีวิตเรามันก้แค่นี้ คิดดี ทำดี พูดดี เป็นพอ เอาเป็นว่าสิ่งที่เราทำ เรารู้ว่ามันดีไม่ว่าต่อเราหรือต่อผู้อื่นเป็นพอ (ถึงแม้เขาไม่รู้แต่เรารู้เป็นพอ) แค่นี้เราก็เป็นสุขแล้ว


นางสาวกมลวรรณ บานชื่น กลุ่ม 50 เลขที่ 34

wanwimol กล่าวว่า...

จากบทความที่ได้อ่านนี้ ทำให้ได้รู้ว่าสรรพสิ่งใดในโลกนี้ล้วนอนิจจัง ไม่มีสิ่งใดที่ดีที่สุด และไม่มีสิ่งใดที่ไม่ดีที่สุด
และสามารถประโยชน์ในข้อความเป็นวิธีการในดำเนินชีวิตได้
ไม่มีใครที่จะรักและหวังดีเราเท่ากับพ่อกับแม่ของเรา

นางสาววรรณวิมล ทองยั่งยืน
กลุ่มที่ 50 เลขที่ 29

Rainbowry กล่าวว่า...

รู้สึกเห็นด้วยมากๆกับบทความนี้เพราะเป็นเรื่องที่ใกล้ตัวมากๆ เชื่อได้เลยว่าพ่อของทุกคนก็ต้องเคยพูดแบบนี้กันบ้าง ที่ชอบมากที่สุดเลยก็คือ "ญาติ มิตร หรือสหาย ล้วนเป็นกันชาตินี้ชาติเดียว ฉะนั้น จงหวนแหนโอกาสที่ได้อยู่ด้วยกันและแสนมีค่านี้ เพราะในชาติหน้า ไม่ว่าท่านจะรักใครหรือชังใคร ท่านก็จะไม่มีโอกาสได้พบกันอีก " เป็นเรื่องที่จริงเลยที่ทำให้ระลึกถึงพฤติกรรมที่ไม่ดีที่เราเคยทำต่อบุคคลที่เรารัก ทำให้หวนคิดได้ว่าไม่ควรจะทำเช่นนั้นอีกเพราะเวลาที่จะอยู่ด้วยกันมีไม่มาก หากไม่ถนอมน้ำใจกันไว้ก็ไม่มีโอกาสมาแก้ตัวได้อีก

นางสาวธิติกร เวสารัตน์ กลุ่ม50 เลขที่38

green กล่าวว่า...

ชอบบทความนี้มากค่ะ
เป็นบทความที่สอนให้เรารู้จักดำเนินชีวิตในแต่ละวันให้คุ้มค่า ใช้ชีวิตอย่างระมัดระวัง ไม่ประมาท และที่สำคัญให้อยู่กับปัจจุบัน ไม่ต้องย้อนไปคิดถึงอดีตที่ผ่านมา

อย่างตัวดิฉันชอบในเรื่องที่ว่า
ต้องทำดีต่อผู้อื่น แต่อย่าหวังว่าผู้อื่ นต้องทำดีต่อเรา เราปฏิบัติต่อผู้อื่นอย่างไร มิได้หมายความว่าผู้อื่นก็จะปฏิบัติตอบต่อเราในแบบเดียวกัน.. ลูกต้องเข้าใจในข้อนี้ จะได้ไม่หาทุกข์ใส่ตัวโดยไม่จำเป็น



*** สอนให้เรารู้ว่า เมื่อเราเป็นผู้ให้แล้ว ต้องมีความสุขที่จะให้ และให้ด้วยความเต็มใจ โดยไม่หวังสิ่งตอบแทน ก็จะทำให้ชีวิตเราเป็นสุขได้อีกมากมาย เลยค่ะ

Polly_Pha กล่าวว่า...

บทความนี้เป็นบทความที่แสดงถึงมุมของของเหลียงจี้จางที่มีต่อสังคม เท่าที่อ่าน เป็นจริงทุกข้อ แม้จะมีบ้างข้อที่อ่านแล้วรู้สึกว่าผู้เขียนมองโลกในแง่ร้ายเกินไป แต่สุดท้ายก็ต้องยอมรับว่าจริง เช่น

1. คนที่ไม่ดีต่อเรา ไม่ต้องไปใส่ใจนัก ในชีวิตคนเรา ไม่มีใครมีหน้าที่ที่จะต้องมาดีต่อเรา ยกเว้นพ่อกับแม่ของลูก สำหรับคนที่ดีกับลูก นอกจากลูกต้องหวงแหนและขอบคุณเขาแล้ว ยังต้องคอยระวังตัวไว้ด้วย เพราะคนเราทุกคน ทำอะไรย่อมมีจุดประสงค์ เขาทำดีกับลูก ใช่ว่าเขาจะทำเพราะชอบลูกเสมอไป ลูกต้องตระหนักจุดนี้ให้ดี อย่าเพิ่งรับเขาเป็นเพื่อนเร็วเกินไป (น่ากลัวไหม)

ทั้งนี้ทั้งนั้น ข้อความนี้สอนให้เราระวังในเรื่องการคบคน ไม่ให้ไว้ใจใครง่ายๆ ถือว่าเป็นประโยชน์อย่างมาก

นางสาวภรณ์ประภา อ่วมนุช
กลุ่ม 50 เลขที่ 45
คณะการแพทย์แผนไทยอภัยภูเบศร

Giftzy กล่าวว่า...
ความคิดเห็นนี้ถูกผู้เขียนลบ
renoo_lovely กล่าวว่า...

บทความนี้เป็นบทความที่ดีมากคะ อ่านแล้วรู้สึกประทับใจทุกข้อเลยคะ ให้ประโยชน์และแง่คิดต่างๆมากมาย ดิฉันสามารถนำไปปรับใช้ได้จริงในชีวิตประจำวัน นอกจากนั้นบทความบางข้อที่ได้กล่าวมาก็ตรงกับที่พ่อของข้าพเจ้าเคยบอกเคยสอนไว้เหมือน เช่น
ข้อ 1.คนที่ไม่ดีต่อเรา ไม่ต้องไปใส่ใจนัก ในชีวิตคนเรา ไม่มีใครมีหน้าที่ที่จะต้องมาดีต่อเรา ยกเว้นพ่อกับแม่ของลูก สำหรับคนที่ดีกับลูก นอกจากลูกต้องหวงแหนและขอบคุณเขาแล้ว ยังต้องคอยระวังตัวไว้ด้วย เพราะคนเราทุกคน ทำอะไรย่อมมีจุดประสงค์ เขาทำดีกับลูก ใช่ว่าเขาจะทำเพราะชอบลูกเสมอไป ลูกต้องตระหนักจุดนี้ให้ดี อย่าเพิ่งรับเขาเป็นเพื่อนเร็วเกินไป
ข้อ 2. ไม่มีคนที่ทดแทนกันไม่ได้ และไม่มีสิ่งใดที่ต้องมีให้ได้ ถ้าเข้าใจจุดนี้ หากวันใดคนข้างกายของลูกไม่ต้องการลูกอีกต่อไป หรือวันใดที่ลูกต้องเสียสิ่งที่รักที่สุดไป ลูกจะได้เข้าใจว่า นี่ไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตายอะไรเลย
ข้อ 4. ในโลกนี้ไม่มีเรื่องรักนิรันด์กาล ความรักเป็นเพียงความรู้สึกชั่ววูบ โดยความรู้สึกนี้ย่อมเปลี่ยนไปตามกาลเวลาและอารมณ์ หากสิ่งที่ลูกรักมากที่สุดจากลูกไป ขอให้รอคอยอย่างอดทน ให้เวลาช่วยชะล้าง ให้จิตใจค่อยๆ ตกตะกอน แล้วความทุกข์ของลูกจะค่อยๆ จางหายไป.. อย่าวาดหวังความรักให้สวยเกินไป และอย่าซ้ำเติมการอกหักให้ทุกข์เกินเหตุ
ข้อ 5. แม้ว่าคนหลายคนที่ประสบความสำเร็จในโลกนี้ไม่ได้เรียนมาสูง แต่ไม่ได้หมายความว่า ห ากไม่ขยันเรียนแล้วจะได้ดี ความรู้คืออาวุธ คนเราอาจสู้แล้วรวย แต่ไม่มีทางรวยได้หากปราศจากอาวุธสู้.. จำไว้
ข้อ 7. ต้องทำดีต่อผู้อื่น แต่อย่าหวังว่าผู้อื่ นต้องทำดีต่อเรา เราปฏิบัติต่อผู้อื่นอย่างไร มิได้หมายความว่าผู้อื่นก็จะปฏิบัติตอบต่อเราในแบบเดียวกัน.. ลูกต้องเข้าใจในข้อนี้ จะได้ไม่หาทุกข์ใส่ตัวโดยไม่จำเป็น
อ่านแล้วทำให้คิดถึงพ่อ คิดถึงคำสอนพ่อ และคิดถึงการกระทำทุกอย่างที่พ่อทำเพื่อดิฉันขึ้นมาทันที่เลยและทุกวันนี้ดิฉันก็ยังใช้คำสอนของพ่อที่กล่าวมานี้ดำเนินชีวิตอยู่

นางสาวเรณู แก้วสถิตย์ กลุ่ม 50 เลขที่ 9

Sompun กล่าวว่า...

ในโลกนี้ไม่มีเรื่องรักนิรันด์กาล ความรักเป็นเพียงความรู้สึกชั่ววูบ โดยความรู้สึกนี้ย่อมเปลี่ยนไปตามกาลเวลาและอารมณ์ อย่าวาดหวังความรักให้สวยเกินไป และอย่าซ้ำเติมการอกหักให้ทุกข์เกินเหตุ

อ่านเริ่มคิดได้แล้วค่ะว่าความรักที่ดีที่สุดคือรักของครอบครัว ที่จะอยู่กับเราไปนานแสนนาน..


นางสาววริศรา ศุภเศรษฐกุล กลุ่ม45 เลขที่27

Panda กล่าวว่า...

ชอบบทความนี้มากเลยค่ะ เพราะเหมือนกับคนสอนของพ่อกับแม่มากเลย เป็นคำสอนที่สอนให้เราใช้ชีวิตร่วมกับผู้อื่นได้ และสอนเรื่อง ทำให้กลับไปนึกถึงพ่อกับแม่ ชอบบทความข้อนี้มากเลย"ต้องทำดีต่อผู้อื่น แต่อย่าหวังว่าผู้อื่นต้องทำดีต่อเรา เราปฏิบัติต่อผู้อื่นอย่างไร มิได้หมายความว่าผู้อื่นก็จะปฏิบัติตอบต่อเราในแบบเดียวกัน" เพราะว่ามนุษย์เราไม่สามารถอยู่บนโลกนี้ได้เพียงคนเดียว เราต้องพึ่งพาอาศัยกัน
นางสาว อนงค์นาถ ธรรมสกุลวงศ์ 52180094 กลุ่ม 50 เลขที่53

Giftzy กล่าวว่า...
ความคิดเห็นนี้ถูกผู้เขียนลบ
PlaiKhaw_PlongPai กล่าวว่า...

บทความนี้อ่านแล้วรู้สึกประทับใจมากเลยค่ะ เป็นบทความที่แสดงถึงความรักของพ่อที่มีต่อลูก ความห่วงใย ไม่อยากให้ลูกหลงผิดจากประสบการณ์ของพ่อที่เคยผ่านมาแล้ว เป็นการเตือนสติให้หลายๆคนได้คิดทั้งในทางบวกและทางลบ มีการใช้คำที่ให้เรากลับมาคิดเตือนใจของเราด้วยไม่ว่าจะเป็นเรื่องใดก็ตามและช่วยให้เราได้คิดว่าควรจะจัดการกับชีวิตของตนเองอย่างไรถึงจะเป็นการดีกับตัวเองและบุคคลอื่น ชอบบทความนี้มากเลยมันเป็นกำลังใจให้เราไม่ย่อมแพ้ต่อสิ่งต่างๆที่เราพบเจอและสามารถเอาชนะมันให้ได้
นางสาวขวัญลดา ถันทอง กลุ่ม 45 เลขที่ 34

koylovebie กล่าวว่า...

เป็นบทความที่ดีมากบทความหนึงเลยนะคะและรู้สึกประทับมากๆเลยคะ รู้สึกว่ามันจะจริงทุกข้อเลยคะ
ทำให้เราเข้าใจอะไรได้มากขึ้น มองโลกในแง่ดี และถือว่าเป็นประสบการณ์ที่ดีในชีวิต สอนให้รู้จักการอดทนคะ มีความเมตตากรุณา

นางสาว เพ็ญนภา จำนงค์ผล กลุ่ม50 เลขที่6

when i fall in love กล่าวว่า...

เป็นบทความที่มีความหมายน่าสนใจค่ะ
แสดงให้เห็นถึงความรักของพ่อได้ดีค่ะ
คนเราเกิดมาล้วนแต่ต้องเผชิญปัญหาต่างกันไปตามสภาพการณ์ แต่จะหยัดยืนได้อย่างมั่นคงต้องมีที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ
ต้องมีหลักที่ดีในการดำเนินชีวิต คำสอนของพ่อคนนี้ที่สอนลูกเป็นคำสอนที่ดูเป็นชีวิตจริงมากเลยทีเดียว อย่างเช่น การที่เราจะทำดีต่อใครอย่าหวังว่าใครจะทำดีตอบ (ชอบข้อนี้มากที่สุดค่ะ) มันคือเรื่องจริงการที่เราหวังให้ใครทำดีตอบนั่นก็หมายความว่าเราได้ผูกเส้นด้ายไว้ที่คอเราอีกหนึ่งเส้นแล้วการตั้งความหวังกับคนอื่นเป็นเรื่องที่เสี่ยงมากสำหรับคนหนึ่งคน การผิดหวังอาจทำลายทุกสิ่งเพียงพริบตาเดียว การที่เราทำดีกับคนอื่นแล้วหวังให้เค้าทำดีตอบนั้นมันเป้นเรื่องยากสำหรับความเป็นจริงในสังคมไทยปัจจุบันเพราะทุกคนรักตัวเองมากกว่าคนอื่นอยู่แล้ว ดูในเมืองใหญ่ที่มีการแข่งขันเป็นต้นนั่นคือเรื่องจริงที่ไม่ได้ปรุงแต่งแต่อย่างใดสามารถบอกถึงพื้นฐานจิตใจมนุษย์ได้เป็นอย่างดี
ดังนั้นบทความเรื่องนี้มีคำสอนหลายข้อที่สามารถใช้ได้จริงในสังคมยุคนี้ค่ะ

นางสาวนันท์ธิดา แจ่มเพ็ง เลขที่3 กลุ่มที่45

memolymylove กล่าวว่า...

เป็นคำสอนที่น่านำไปใช้นะค่ะ
ถ้าคิดได้และทำได้เช่นนี้จะทำให้เราใช้ชีวิตอย่างได้อย่างมีคุณค่า มีความสุขพอดี
ไม่ทุกใจ เพราะ ไม่ต้องไปใส่ใจนักคนที่ไม่ดีต่อ
ไม่ต้องจมอยู่กับความทุกข์ เพราะ ไม่มีคนที่ทดแทนกันไม่ได้ และไม่มีสิ่งใดที่ต้องมีให้ได้
ไม่ต้องกลัวความตาย เพราะ ชีวิตนี้แสนสั้น
ไม่ต้องอยู่กับความหวังที่เป็นไปได้ยาก เพราะ พ่อซื้อล๊อตเตอรี่มาตลอดชีวิต ยังยากจนเหมือนเดิม (คนเราจะก้าวหน้าได้ต้องขยันไม่ต้องรอโชคชะตา)
น.ส.สุปรียา ฤทธิ์บำรุง
สาขาการสอนภาษาญี่ปุ่น กลุ่มที่ 45 เลขที่16

ISEEEII♥ กล่าวว่า...

การใช้ชีวิตของคนเรามีอยุ่หลากหลายอย่าง
การใช้ชีวิตของคนเรานั้นแตกต่างกันออกไป
ชีวิตของเรานั้นควรคิดไตร่ตรอง
และกระทำด้วยตัวเอง ไม่ใช่เพียงแต่
ต้องการหรือรอเวลาจากสิ่งที่บางที่อาจจะไม่ใช่
สวรรค์ส่งมา หรือ รอโอกาสที่จะมาถึง
เราควรทำมันและสร้างโอกาสให้กับตัวเราเอง

N'FonG Edu.jap กล่าวว่า...

ทุกสิ่งล้วนอนิจจัง...สิ่งใดเกิดแล้วย่อมไม่แน่นอน
บทความนี้ดีมากๆเลยค่ะทำให้รู้ว่าพ่อคือคนที่ดีที่สุดต่อเรา พ่อชี้แนวทางในการดำเนินชีวิตให้เรา ไม่ใช่เพียงแต่จะเกิดแต่ความสุขที่พ่อให้ แต่สิ่งที่ได้มานั้นคือความรักที่พ่อให้และความจริงใจ ความหวังดีที่พ่อมีให้แก่ลูก
เพราะฉะนั้นพ่อทำให้เราขนาดนี้เราก็ควรตอบแทนท่านเพราะไม่รู้ว่า ท่านจะอยู่กับเรานานเท่าไหร่
นางสาววิชชุตา ต้องสว่าง เลขที่14 กลุ่ม45 รหัสนิสิต52040211

n'NaE eDu.JaP กล่าวว่า...

บทความนี้เป็นบทความที่สอนเราได้เป็นอย่างดี เพราะชีวิตของคนเราทุกคนนั้นล้วนต้องประสบพบเจอกับเหตุการณ์ที่คล้ายๆกันเป็นเรื่องที่ดีบ้างไม่ดีบ้าง เมื่อได้อ่านบทความนี้แล้วก็เป็นเหมือนเครื่องช่วยเตือนและสอนเราในการดำรงชีวิตต่อไปทั้งในตอนนี้และในวันข้างหน้า ซึ่งก็เป็นประโยชน์ซึ่งนำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้มากเลยทีเดียว

น.ส.เนติมา แสงสร้อย 52040200 กลุ่ม 45 เลขที่ 12

"tod"EDu-Jap กล่าวว่า...

บทความนั้นสอนเราเป็นอย่างดี ไม่ให้หลงผิดทำในสิ่งที่ไม่ดี เตือนใจเราได้ เพราะทุกคนก็ต้องมีประสบการณ์ต่างๆที่คล้ายกัน ซึ่งทำให้เรานั้นเขาใจความรักความห่วงใยของพ่อแม่ที่มีให้เรา


นางสาวดวงดาว ยวดยิ่ง 52040196 เลขที่ 11
คณะศึกษาศาสตร์ เอกการสอนภาษาญี่ปุ่น

wanthana simtheam กล่าวว่า...

จากที่ได้อ่านบทความแล้วรู้สึกดี
ที่พ่อได้มีโอกาสได้สอนลูกในเรื่องที่พ่อทุกคนอาจจะไม่ได้สอนลูก ซึ่งจะทำให้การดำเนินชีวิตของลูกดีมากขึ้น เพราะได้เรียนรุจากพ่อ พ่อและแม่นั้นท่านสอนอไรเราก็ควรเชื่อฟังเพราะไม่มีพ่อและแม่คนไหน ที่ท่านจะสอนสิ่งที่ไม่ดีให้กับเรา ทุกคนมีการใช้ชีวิตที่แตกต่างกันออกไป ต่างถิ่น ต่างพ่อแม่ และสภาพแวดล้อม ซึ่งต้องใช้เวลาในการปรับตัว แต่เราก็ต้องคำนึงถึงเวลาด้วย เราหยุดเวลาไม่ได้หยุด เราควรไตร่ตรอง คิดให้รอบคอบ เราควรที่จะหาโอกาสที่ดีมาให้ตัวเราเองสุดท้ายโอกาสที่เราได้ทำนั้นมันก็อยู่กับเราเอง ไม่มีใครได้ปัยกับเราด้วย **ทำวันนี้ให้ดีที่สุด และวันพรุ่งนี้จะดีเอง**
นางสาววันทนา ซิ้มเทียม คณะศึกษาศาสตร์ เอกการสอนภาษาญี่ปุ่น เลขที่ 30 กลุ่ม 45 รหัสนิสิต 52040727

>>>YaKuMi กล่าวว่า...

=>> ชอบตรงข้อที่ 7 ตรงที่บอกว่า

การทำความดีนั้นไม่จำเป็นต้องหวังผลตอบแทน

ไม่ว่าเราจะกระทำสิ่งใดๆ ทำสิ่งนั้นเพื่อใคร

เราก็อย่าได้ไปหวังว่าเราทำสิ่งใดให้กับเขา

แล้วเขาคนนั้นต้องมาตอบแทนเรา

เพราะการที่เราได้ทำเพื่อคนอื่น

โดยที่ไม่ได้หวังสิ่งใดตอบแทนนั้น

เป็นสิ่งที่ดีที่สุด เพราะเหตุนี้ดิฉันจึงชอบข้อนี้มาก

>>>YaKuMi กล่าวว่า...

=>> ชอบตรงข้อที่ 7 ตรงที่บอกว่า

การทำความดีนั้นไม่จำเป็นต้องหวังผลตอบแทน

ไม่ว่าเราจะกระทำสิ่งใดๆ ทำสิ่งนั้นเพื่อใคร

เราก็อย่าได้ไปหวังว่าเราทำสิ่งใดให้กับเขา

แล้วเขาคนนั้นต้องมาตอบแทนเรา

เพราะการที่เราได้ทำเพื่อคนอื่น

โดยที่ไม่ได้หวังสิ่งใดตอบแทนนั้น

เป็นสิ่งที่ดีที่สุด เพราะเหตุนี้ดิฉันจึงชอบข้อนี้มาก

นางสาวญาณิศา นุ่งอาหลี เลขที่ 55 กลุ่ม 50

ToMeaw กล่าวว่า...

เป็นบทความที่ดีของคนจีนค่ะ
ชอบที่เค้ามักจะสอนให้ขยันและอย่าขึ้เกียจ ไม่งั้นจะไม่มีอะไรกิน(ตกถึงท้อง)และเรื่องเพื่อนค่ะ
แต่ก็มีข้อเสีย
ที่บอกว่าไม่ต้องดูแลยามเฒ่าแก่ตามสไตล์การเลี้ยงดูแบบฝรั่งที่เมื่อแก่แล้วต้องไปอยู่บ้านพักคนชรา(แต่ถ้าอยู่ที่ไทยก็จนๆๆๆ ไม่มีอะไรกิน เพราะรัฐไม่ได้มีสวัสดิการให้)
มันต้องดูสถานการณ์ว่า เราควรจะทำอะไรในเวลานั้นๆและควรดูแลสุขภาพตนเองผสมกับการใช้ชีวิตให้มีความสุขค่ะ(ถ้าเจอกับความทุกข์นั้น เป็นเรื่องที่มนุษย์ต้องพบอยู่แล้วค่ะ)
นางสาว เพียงพอ สุขุมาลรังสี กลุ่ม 50 เลขที่ 44 ค่ะ

LO....Town....VE กล่าวว่า...

จากที่ได้อ่านบทความนี้

หนูคิดว่า "เหลียงจี้จาง"บางมุมมองของเขาน่าสนใจ
แต่ค่อนข้างที่จะมองโลกในแง่ที่ไม่สวยงามนัก
ทั้งนี้อาจเป็นเพราะสังคม และบุคลิกของคนที่ต่างกับคนในชาติของเราก็เป็นได้ และจากบทความแสดงความเป็นตัวตนของเขาออกมาว่า เป็นคนที่มองโลกแบบคนที่มีประสบการณ์มาก แต่ดูเป็นคนหัวโบราณไปนิดนึง และคงเคยมีประสบการณ์เรื่องความรักที่ไม่สวยงามนัก อาจไม่เคยรักใครมากๆจึงมีมุมมองแบบนี้ และก็ดูเป็นคนที่เข้มแข็งและรอบคอบคนนึง
นางสาวปาณิสา ชนิตร์วัฒน์ กลุ่ม 50 เลขที่ 42

ตัวเล็กๆ กล่าวว่า...

บทความนี้สามารถนำไปใช้ในชีวิตได้เป็นอย่างดี
เพราะทำให้เราสามารถปรับตัวเพื่ออยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุข
นางสาวธิดารัตน์ เทียนสว่าง 52180053 เลขที่ 27 กลุ่ม 50

JaNg กล่าวว่า...

เป็นเรื่องที่ดีมาก


สุดยอดๆๆ

JaNg กล่าวว่า...

เป็นเรื่องของพ่อที่สอนลูกได้ดีมาก
เพราะบันทึกทุกข้อที่พ่อเขียนให้ลูก
เป็นสิ่งที่ลูกจะต้องนำมาใช้จริงในชีวิตประจำวัน
ถ้าลูกๆทำได้จริงชีวิตก้จะมีทุกข์น้องมีสุขมากขึ้น

นางสาวยุพาภรณ์ พรมมานนท์ เลขที่47 กลุ่ม 50
คณะการแพทย์แผนไทยอภัยภูเบศร

ChoiZe กล่าวว่า...

ชอบคำสอนที่ว่าชอบคำสอนที่ว่า 'ชีวิตนี้แสนสั้น (จะอยู่แค่ 160 ปีเอง) หากลูกยังใช้ชีวิตอย่างไม่เห็นคุณค่า พรุ่งนี้ลูกจะพบว่า ชีวิตจะหลุดลอยไปไกลยิ่งขึ้น ดังนั้น ยิ่งรู้จักถนอมชีวิตเร็วเท่าใด เวลาที่ลูกจะได้รับความสุขจากชีวิตก็จะยิ่งมากขึ้นเท่านั้น หาความสุขเสียแต่วันนี้ ดีกว่านั่งหวังให้มีอายุยืนนาน' เพราะการที่เราไม่ใส่ใจตัวเอง หรือมัวแต่นั่งหวังให้ตัวเองอายุยืนอาจจะทำให้เราพลาดสิ่งดีๆ ไปเลยก็ได้

นายอนิรุจ คณาศรีนุวัติ กลุ่ม 50 เลขที่ 21

toeytao กล่าวว่า...

บทความนี้อ่านแล้วซึ้งมากเลยค่ะ





นางสาวณัฐปภา ตันมณี กลุ่ม45 เลขที่23 52040516

miiw...* กล่าวว่า...

ชอบคำสอนข้อที่ 10 ค่ะ สอนเกี่ยวกับความผูกพันภายในครอบครัวที่ควรจะสร้างตั้งแต่ชาตินี้ เพราะเรามีโอกาสทำได้แค่ในชาตินี้เท่านั้น ดังนั้นไม่ควรรอจนหมดโอกาส

นางสาวณัชชา โรจน์รัตนา กลุ่ม 50 เลขที่ 12

alone_man กล่าวว่า...

เป็นบทความที่ดีมากสอนให้เราได้รู้ว่า ไม่มีใครที่จะ

ห่วงใยเรา ดูแลเรา รักเรา ได้เท่ากับ พ่อ ถึงแม้ว่าจะมี

คนพูดว่า รักเรา ห่วงใยเรา แต่ก็อาจจะเป็นเพียงแค่ลม

ปาก ที่พูดออกมาเพื่อหวังผลตอบแทนบางสิ่ง

บางอย่าง ดังบทความที่เขียนไว้ว่า "คนที่ไม่ดีต่อเรา

ไม่ต้องไปใส่ใจนัก ในชีวิตคนเรา ไม่มีใครมีหน้าที่ที่จะ

ต้องมาดีต่อเรา ยกเว้นพ่อกับแม่ "

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

บทความนี้เป็นบทความที่ดีค่ะ เป้นบทความที่ช่วยสอนลูกทุกด้าน สอนให้เดิน ให้ใช้ชีวิตไปในทางที่ถูกที่ดี สอนให้ขยัน ให้อย่าจมกับความทุกข์ เป็นความรักที่พ่อมีให้ลูกอย่างหาอะไรเปรียบไม่ได้ และสามารถทำให้ผู้ที่ได้อ่านนั้น นำไปใช้ในชีวิตจริงได้ทุกข้อที่พ่อสอนลูกมาทั้งหมด ทุกข้อที่พ่อสอนลูก เป็นสิ่งที่ดีและหากนำไปใช้ก็จะทำให้เรามีแต่ความสุข มีความคิดในทางที่ดี รู้จักรักและให้ผู้อื่นก่อน ประทับใจกับบทความนี้มากๆค่ะ โดยส่วนตัว ชอบข้อ3 กับ 4 มากค่ะ

นางสาวพรสุดา ภู่พงษา กลุ่ม 45 เลขที่ 39

Giftzy กล่าวว่า...

เป็นบทความที่ดีมาก เป็นการความรักที่บริสุทธิ์ระหว่างพ่อกับลูก การที่เราจะหาความรักอันบริสทธิ์ในปัจจุบันนี้ล้วนแล้วเป็นเรื่องที่ยาก ลำบาก เป็นข้อคิดในเรื่องของความรัก การให้ความรักกับใีคร ไม่ว่าจะเป็นลูก เป็นพ่อ แม่ ฯลฯ หรือแม้แต่คนที่เรารัก การที่เราให้ความรักกับเขา แล้วเราำไม่ต้องการอะไรตอบแทน นอกจากการให้ ... ก็เพียงพอแล้ว

นางสาวพจนา ศุภผล เลขที่ 31 กลุ่ม 50

sharayah กล่าวว่า...

ดิฉันชอบข้อที่ 1 คะ
ที่ว่า "คนที่ไม่ดีต่อเรา ไม่ต้องไปใส่ใจนัก ในชีวิตคนเรา ไม่มีใครมีหน้าที่ที่จะต้องมาดีต่อเรา ยกเว้นพ่อกับแม่ของลูก สำหรับคนที่ดีกับลูก"
เพราะในสังคมปัจจุบันหาคนที่จริงใจได้ยากคะ

นางสาวณัฐธิดา ทวีเดช กลุ่มที่ 45 เลขที่ 21

FARM กล่าวว่า...

"8. พ่อซื้อล๊อตเตอรี่มาตลอดชีวิต ยังยากจนเหมือนเดิม แม้แต่รางวัลเลขท้ายยังไม่เคยถูกเลย นี่เป็นบทพิสูจน์ว่า คนเราจะเจริญก้าวหน้าได้ ต้องขยันขันแข็งอย่างเดียวเท่านั้น ในโลกนี้ไม่มีมื้อเที่ยงที่ไม่ต้องเสียตังค์ (No free lunch)"
บทความนี้โดนสุดๆๆๆเลยครับ........
แสดงให้เห็นว่าไม่มีสิ่งใดที่จะได้มาโดยง่ายดาย เราต้องตั้งใจทำสิ่งที่กำลังทำอย่างสุดความสามารถ เพื่อผลงาน หรือสิ่งตอบแทนตามที่หวังไว้ เพราะฉะนั้นอย่าซื้อเลยล็อตเตอรี่ ถ้าคุณไม่ดวงเฮงจริงๆ!!!

นายอรรถภูมิ ตะกรุดเพ็ง กลุ่ม 50 เลขที่ 54

MewmoodY กล่าวว่า...

บทความนี้ดีค่ะ สามารถนำมาใช้ได้ในชีวิตประจำวัน

และยังมีแนวทางให้คิดอีกหลายแง่มุมอีกด้วย

ลลิตา ยังอยู่ 52180019 กลุ่ม 50

papae กล่าวว่า...

"ชีวิตนี้แสนสั้น"คำๆสำหรับบางคนแล้วอางฟังดูน่าหดหู่ใจแต่ในความเป็นจริงแล้วมนุษย์เกิดมาแล้วก็ต้องตาย แต่ในช่วงเวลาสั้นๆที่เรายังมีชีวิตอยู่นั้น เราทำสิ่งที่อยากทำ หรือแม้แต้ทำความดีสักครั้งแล้วหรือยัง อย่ามัวแต่รอเวลา อย่ามัวแต่รอโอกาสว่าจะมาถึงคุณเมื่อไร เพราะถ้าคุณยิ่งรอมากเท่าไร คุณก็จะไม่ได้ทำมันมากเท่านั้น
น.ส. สุขุมาภรณ์ เนตรทิพย์ กลุ่ม 45 เลขที่ 49

nine kk กล่าวว่า...

"คนที่ไม่ดีต่อเรา ไม่ต้องไปใส่ใจนัก ในชีวิตคนเรา ไม่มีใครมีหน้าที่ที่จะต้องมาดีต่อเรา ยกเว้นพ่อกับแม่ของลูก สำหรับคนที่ดีกับลูก นอกจากลูกต้องหวงแหนและขอบคุณเขาแล้ว ยังต้องคอยระวังตัวไว้ด้วย เพราะคนเราทุกคน ทำอะไรย่อมมีจุดประสงค์ เขาทำดีกับลูก ใช่ว่าเขาจะทำเพราะชอบลูกเสมอไป ลูกต้องตระหนักจุดนี้ให้ดี อย่าเพิ่งรับเขาเป็นเพื่อนเร็วเกินไป "
ผมคิดว่าใช่นะครับ เพราะเค้าก้อไม่ได้มามีอิทธิพลอะไรกับเรา ไม่รู้ว่าเค้าจะจริงใจหรือไม่ มีอะไรแอบแฝงหรือเปล่า ลับหลังเค้าอาจจะทำไม่เหมือนกับต่อหน้าเราก็ได้
คนที่ดีกับเราหวังดีกับเรามากที่สุดก็คือพ่อกับแม่ของเรา เราต้องทำดีกับท่านให้มากๆๆๆๆๆๆๆๆๆเชื่อฟังท่าน รับรองคับชีวิตเราจะเจริญรุ่งเรือง

นายรณยุทธ สองทุ่ง กลุ่ม50 เลขที่48

love SJ&TVXQ_4ever กล่าวว่า...

เป็นบทความที่ดีมากเลยค่ะ อ่านแล้วรู้สึกประทับใจในคำสอนแต่ละข้อมากๆเลยค่ะ รู้สึกว่าจะสามารถนำมาใช้ในชีวิตประจำวันได้ทุกข้อเลยค่ะ โดยเฉพาะข้อที่บอกว่า "แม้ว่าคนหลายคนที่ประสบความสำเร็จในโลกนี้ไม่ได้เรียนมาสูง แต่ไม่ได้หมายความว่า หากไม่ขยันเรียนแล้วจะได้ดี ความรู้คืออาวุธ คนเราอาจสู้แล้วรวย แต่ไม่มีทางรวยได้หากปราศจากอาวุธสู้.. จำไว้" เป็นคำสอนที่คล้ายๆกันกับที่คุณพ่อของหนูได้สอนมาค่ะพ่อบอกว่ความรู้คืออาวุธเป็นสิ่งที่จะติดตัวเราไปตลอดจนกว่าชีวิตจะหาไม่

ชื่อ นางสาวปฐมาวดี สุทธิคีรีสุข กลุ่ม 50 เลขที่ 41

NumNing กล่าวว่า...

อ่านแล้วรู้สึกว่า.......

ความรักเป็นสิ่งที่ทำให้เกิดทั้งความทุกข์และความสุข
สอนให้มองหลายมุม สอนให้รู้ว่าอย่าไปสนใจว่าใครจะทำดีหรือไม่ทำดีต่อเราเพราะไม่มีใครทำดีกับเรามากไปกว่า พ่อกับแม่ ของเรา

รู้สึกเข้าใจความรักต่างมุม มากขึ้น

ขอบคุงสำหรับสาระดี ๆ ค่ะ

NumNing กล่าวว่า...

อ่านแล้วรู้สึกว่า.......

ความรักเป็นสิ่งที่ทำให้เกิดทั้งความทุกข์และความสุข
สอนให้มองหลายมุม สอนให้รู้ว่าอย่าไปสนใจว่าใครจะทำดีหรือไม่ทำดีต่อเราเพราะไม่มีใครทำดีกับเรามากไปกว่า พ่อกับแม่ ของเรา

รู้สึกเข้าใจความรักต่างมุม มากขึ้น

ขอบคุงสำหรับสาระดี ๆ ค่ะ

นางสาวมนัญญา บินสุมัน กลุ่ม 50 เลขที่ 16

tonbo กล่าวว่า...

จดหมายของเหลีนงจี้จางที่มอบให้กับลูก
นับเป็นการอบรมสั่งสอนที่ทรงคุณค่ายิ่ง
เป็นการสั้งสอนให้ลูกอยู่ในสังคม และเอาตัวรอดได้
เหมาะสมที่จะเผยแพร่ให้ผู้อื่นได้อ่านเป็นอย่างยิ่ง

นางสาวปภิญญา ศรีเคลือบ
คณะศึกษาศาสตร์ การสอนภษาไทย
เลขที่ 7 กลุ่มที่ 45

ฉวีวรรณ พากเพียร กล่าวว่า...

เป็นบทความที่ดีมากค่ะ เป็นการสอนลูกที่ให้ความรู้แก่ลูกดีมาก และสามารถนำสิ่งที่ได้รับรู้ไปใช้ในการดำเนินชีวิตต่อไป นางสาวฉวีวรรณ พากเพียร 52070122 กลุ่ม50 เลขที่ 8

toeytao กล่าวว่า...

6. พ่อจะไม่ขอให้ลูกเลี้ยงดูครึ่งชีวิตหลังของพ่อ เพราะพ่อก็จะไม่เลี้ยงดูครึ่งชีวิตหลังของลูกเช่นกัน เมื่อลูกโตพอจนเป็นอิสระได้แล้ว พ่อก็หมดหน้าที่แล้วเช่นกัน หลังจากนั้นไป ลูกจะนั่งรถเมล์หรือจะนั่งรถเบ๊นซ์ จะกินหูฉลามหรือจะกินบะหมี่ยำๆ ลูกต้องเลือกเอง

ชอบข้อนี้มากเลยค่ะ
อ่านรู้สึกซาบซึ้ง
ในที่สุดก็ไม่มีใครรักเราเท่าพ่อและแม่อีกแล้ว

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

สวัสดีค่ะอาจารย์ วิชัย

บทความใน blog ของอาจารย์น่าสนใจมากเลยค่ะเป็นบทความดีมากเลยเลยค่ะ

ขอบคุณค่ะ

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

สวัสดีค่ะ อาจารย์วิชัย

บทความของอาจารย์ได้ให้ข้อคิดในหลายๆด้านของชีวิต โดยใช้การเล่าเรื่องของ พ่อที่เขียนจดหมายให้ลูกถึงความเป็นจริงในชีวิต อย่างคนเราเกิดมาไม่ได้อยู่ตลอดไป ถึงเเม้ว่าเราจะซื้อล๊อตเตอรี่กี่ไปก็ไม่ถูกรางวัล การที่มีคนมาทำเลวร้ายกับเราว่าร้ายเราเราก็ไม่ควรนำมาใส่ใจให้เกิดอารมณ์เราควรปล่อยวาง คิดซะว่าเราควรทำให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้

นอกจากนั้น ยังได้นำข้อคิดไปใช้ในชีวิตประจำวันอีกด้วยค่ะ

*ปล.ขอขอบคุณอาจารย์มากค่ะที่นำข้อความมาโพสให้ข้อคิดดีดีเเก่นิสิต

.............................

ดิฉัน นางสาวอารีรมภ์ กิจานุกูล 52041059
เลขที่ 52 กลุ่ม 45

52041034Edtech กล่าวว่า...

เมื่อเราโตขึ้นเรื่อยๆ ใครหลายๆคนอาจหดหายไป เฉกเช่นพ่อเรา เมื่อเราโตขึ้น...พ่อย่อมแก่ลง เมื่อเรายังเด็กเราอาจมีพ่อแม่คอยประคับประคอง แต่...เมื่อเราโตขึ้นเรื่อยๆความสามารถในการดูแลของพ่อแม่เริ่มลดลงไปตามกาลเวลา เราต้องรู้จักดูแลตัวเองให้มากขึ้นเพื่อที่เราจะสามารถดูแลพ่อแม่ได้ อย่างที่ปรากฏใน เหลียงจี้จาง มีข้อคิดหลายๆอย่างเพื่อคอยเตือนเราให้พึงระลึกไว้ตลอดเวลา

นางสาวปัณฑิตา อ่วมศรี กลุ่ม 45 เลขที่ 36

tanedttd กล่าวว่า...

ข้อคิดแนวทางดำเนินชีวิตที่พ่อให้ไว้ย่อมเป็นสิ่งที่มีคุณค่าเป็นอย่างมาก เป็นบทความที่ปะทับใจมากโดยเฉพาะในข้อ ชีวิตนี้แสนสั้น (จะอยู่แค่ 160 ปีเอง) หากลูกยังใช้ชีวิตอย่างไม่เห็นคุณค่า พรุ่งนี้ลูกจะพบว่า ชีวิตจะหลุดลอยไปไกลยิ่งขึ้น ดังนั้น ยิ่งรู้จักถนอมชีวิตเร็วเท่าใด เวลาที่ลูกจะได้รับความสุขจากชีวิตก็จะยิ่งมากขึ้นเท่านั้น หาความสุขเสียแต่วันนี้ ดีกว่านั่งหวังให้มีอายุยืนนาน
ทำให้ผมคิดว่าเรควรใช้ชีวิตให้มีความสุขเพราะไม่รู้ว่าชีวิตเราจะจบลงตอนไหน "มีความสุขกับปัจจุบัน"

นาย ธเนศ ด้วงเพ็ง รหัส 52180069 เลขที่ 37
กลุ่ม 50 คณะการแพทย์แผนไทยอภัยภูเบศร

AuMAiM กล่าวว่า...

"ไม่มีคนที่แทนกันไม่ได้" เป็นประโยคที่ฟังแล้วรู้สึกดีมากเลยค่ะ

เพราะครั้งหนึ่งเราเคยคิดว่าไม่มีใครที่จะมาแทนที่กันได้

แต่ตอนนี้เราก็ได้เข้าใจว่าคนทุกคนสามารถแทนกันได้ทั้งนั้นในความรู้สึก

ขึ้นอยู่กับเราว่าเราจะเปิดใจรับความรู้สึกดีๆที่เขามีให้เราเข้ามาหรือป่าว

นางสาวณิชนันท์ ปุ่มเพชร กลุ่ม 50
คณะการแพทย์แผนไทยอภัยภูเบศร

u-mi กล่าวว่า...

อ่านแล้วโดนนน..ค่ะ

ชอบข้อที่สอนว่า ไม่ต้องไปหวังให้ใครมาทำดีกับเรา

แม้เราจะทำดีกับเขาก็ตาม เราต้องยอมรับ ณ จุดๆนี้


ซึ่งแม้ในความเป็นจริงแล้ว การที่เรารักและแคร์ใครมากๆ มันก็ยากที่จะทำใจ แต่ถ้าเรามัวแต่คิดว่า ทำมัยๆๆ มันถึงเป็นเช่นนั้น ทำมัยเค้าถึงเป็นเช่นนั้น
มันก็จะหนัก ถ้าไม่อยากหนัก มันก็ต้องวาง


ทุกอย่างมันมีที่มาที่ไป
เราต้องเข้าจัย
และยอมรับ

น.ส.ชนิภรณ์ ทศธรรม เลขที่36 กลุ่ม 50
52180067 การแพทย์แผนไทยอภัยภูเบศร

u-mi กล่าวว่า...

อ่านแล้วโดนนน..ค่ะ

ชอบข้อที่สอนว่า ไม่ต้องไปหวังให้ใครมาทำดีกับเรา

แม้เราจะทำดีกับเขาก็ตาม เราต้องยอมรับ ณ จุดๆนี้


ซึ่งแม้ในความเป็นจริงแล้ว การที่เรารักและแคร์ใครมากๆ มันก็ยากที่จะทำใจ แต่ถ้าเรามัวแต่คิดว่า ทำมัยๆๆ มันถึงเป็นเช่นนั้น ทำมัยเค้าถึงเป็นเช่นนั้น
มันก็จะหนัก ถ้าไม่อยากหนัก มันก็ต้องวาง


ทุกอย่างมันมีที่มาที่ไป
เราต้องเข้าจัย
และยอมรับ

น.ส.ชนิภรณ์ ทศธรรม เลขที่36 กลุ่ม 50
52180067 การแพทย์แผนไทยอภัยภูเบศร

PAT กล่าวว่า...

ดีคับ
นายภัทรพล พลดงนอก
50063449 ศิลปกรรมศาสตร์
กลุ่ม 50

u-mi กล่าวว่า...

อ่านแล้วโดนค่ะ

ชอบข้อที่สอนว่าเราไม่ต้องหวังให้ใครมาทำดีกับเรา
แม้เราจะทำดีกับเค้าก็ตาม

ทำให้เข้าจัยชีวิต

เข้าจัยความเป็นจริงของธรรมชาติ

ทุกอย่างมันมีที่มาที่ไป

เราต้องเข้าจัย และยอมรับมัน

น.ส.ชนิภรณ์ ทศธรรม เลขที่36 กลุ่ม 50
52180067 การแพทย์แผนไทยอภัยภูเบศร

u-mi กล่าวว่า...

อ่านแล้วโดนน..ค่ะ ชอบมากค่ะ

สอนดีทุกข้อเลย

ชอบข้อที่สอนว่า เราไม่ต้องหวังให้ใครมาทำดีกับเรา แม้เราจะทำดีกับเค้าก็ตาม

หนูคิดว่าทุกอย่าง มันก็มีที่มา ที่ไปของมัน
เราต้องเข้าจัย และยอมรับมันให้ได้


น.ส.ชนิภรณ์ ทศธรรม เลขที่ 36 กลุ่ม 50
52180067 การแพทย์แผนไทยอภัยภูเบศร

Ra กล่าวว่า...

สวัสดีครับ
อใวชัย บุญเจือ
นายพชร นาคจู
กลุ่ม 50 รหัส 50062190
คณะ ศิลปกรรมศาสตร์

ploy*_ y กล่าวว่า...

บทความนี้เป็นบทความที่ดีมาก มีข้อคิดต่างๆ ,มีอารมณ์แอบแฝงไว้ไม่ว่าจะเป็นคำกล่าวที่ว่า "ในโลกนี้ไม่มีเรื่องรักนิรันด์กาล ความรักเป็นเพียงความรู้สึกชั่ววูบ โดยความรู้สึกนี้ย่อมเปลี่ยนไปตามกาลเวลาและอารมณ์ "
เพราะความรักมันก็แค่อารมณ์อย่างหนึ่ง ณ ขณะนั้น
ข้าพเจ้าเชื่ออย่างหนึ่งว่าความรักเป็นสิ่งที่ไมจริงอยู่บนโลกเราต้องแยกให้ออกระหว่างความรักและความใคร่

Saranyu กล่าวว่า...

ผมชอบบทความในเรื่องนี้ อย่างเช่น"ในโลกนี้ไม่มีเรื่องรักนิรันด์กาล ความรักเป็นเพียงความรู้สึกชั่ววูบ โดยความรู้สึกนี้ย่อมเปลี่ยนไปตามกาลเวลาและอารมณ์ "ทำให้เราได้แง่คิดในเรื่องของความรักที่กำลังเกิดขึ้นและเปลี่ยนแปลงไปตามเวลา มีข้อคิดสอนให้คนได้ทำความดีที่ไม่หวังสิ่งตอบแทน ได้เห็นมุมมองของปัญหาที่แตกต่างกันออกไปแต่ละแง่มุม สุดท้าย ชีวิตนี้มันสั้นนัก ทุกอย่างล้วนอนิจจัง ควรมีชีวิตอยู่กับปัจจุบัน ไม่ใช่อยู่กับอดีต

นายศรัญญู ปานยศ กลุ่ม 50 รหัส 50063463
คณะศิลปกรรมศาสตร์

ploy*_ y กล่าวว่า...

นันตญา ทวีพงษ์
50062152
คณะศิลปกรรมศาสตร์ จิตรกรรม
ปี3

Tissica กล่าวว่า...

บทความที่อ่านนี้
บงบอกถึงความหวังดีและปรารถนาดีต่อลูกที่พ่อแม่มีให้และสิ่งที่บอกมาได้มีส่วนที่ตรงกับความจริงทุกอย่าง มีไว้เตือนสติ และตรึงตรองให้ดีกับสิ่งที่เกิดขึ้น แต่คนเราก็จะต้องเจอกับสิ่งๆเหล่านนี้ทุกคน แต่ถ้าเราไม่เจอสิ่งเหล่านี้ เราก็จะไม่รู้จักกับคำว่าทุกข์ หรือสุข บทความนี้ทำให้ข้าพเจ้ารู้ว่า พอกับแม่รักเรามากแค่ไหน เป็นคนที่พ่อกับแม่คิดถึง และอยากให้ประสบความสำเร็จในทุกๆอย่าง

PeNZaaaA กล่าวว่า...

เป็นบทความที่สะท้อนค่อความรู้สึกเป็นอย่างมาก แสดงให้เห็นถึงความรักความห่วงใยที่พ่อคนหนึ่งมีต่อลูกที่ตนเองรัก เป็นคุณพ่อที่เห็นความสำคัญของการใช้ชีวิตของลูกเป็นอย่างมาก


นางสาวสาวิตรี ขาวงาม เลขที่ 48
กลุ่ม 45 สาขาการสอนภาษาญี่ปุ่น
คณะศึกษาศาสตร์

JaJaH กล่าวว่า...

เห็นด้วยว่าชีวิตของเราน่ะมันสั้นนัก

เราต้องใช้ชีวิตอย่างมีคุณค่าให้มากที่สุด

ใช้ชีวิตให้อยู่อย่างมีความสุข และไม่ต้องทำให้ใครต้องเดือดร้อน


น.ส.จันทร์จิรา สุรเสน เลขที่ 35 กลุ่ม 50

รหัสนิสิต 52180065

chok กล่าวว่า...

บทความนี้เป็นบทความที่ดี ที่สอนในสิ่งต่างๆ ซึ้ง ในที่นี้พ่อได้กระทำในสิ่งต่างๆที่ทั้งดีและไม่ดี และได้นำมาสอนลูก ว่า อย่าได้เสียเวลากับการกระทำในบางสิ่ง และควรจะทำสิ่งใด

นายนำโชค สว่างพบ
เลขที่ 18 กลุ่ม 35
คณะวิทยาการสารสนเทศ
สาขาวิทยาการคอมพิวเตอร์
53160052