วันพฤหัสบดีที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2554

หนทางพิสูจน์ม้า กาลเวลาพิสูจน์คน


หนทางพิสูจน์ม้า กาลเวลาพิสูจน์คน


.... ลู่เหยากับหม่าลี่ เป็นพี่น้องร่วมสาบานกัน ลู่เหยามีศักดิ์เป็นพี่ เขาแต่งงานมีครอบครัวแล้ว หม่าลี่ เป็นผู้น้อง ยังไม่ได้แต่งงาน ลู่เหยามีฐานะยากจน ขณะที่หม่าลี่ฐานะร่ำรวย ด้วยเหตุนี้ ลู่เหยาจึงได้รับการอุดหนุนจุนเจือจากหม่าลี่เสมอ

วันหนึ่ง ลู่เหยาบอกหม่าลี่ว่า ตนเองต้องการไปแสวงโชคต่างเมือง อยากจะฝากให้หม่าลี่ช่วยดูแลภรรยาให้ หม่าลี่รับปาก บอกว่าเขาจะดูแลให้ ไม่ต้องเป็นกังวล ....

ตั้งแต่นั้นมา ทุกครึ่งเดือนหม่าลี่จะสั่งให้คนรับใช้ นำของกินของใช้ บรรทุกใส่รถม้าเต็มคันรถ นำไปให้กับภรรยาของลู่เหยา…

ภรรยาของลู่เหยา จึงคิดว่า เป็นเช่นนี้ก็นับว่าไม่เลว ได้รับการโอบอุ้มดูแล ยิ่งกว่าตอนที่อยู่กับสามีเสียอีก ไม่ต้องทำงานก็มีข้าวกิน มีเสื้อผ้าสวมใส่ ทำให้นางนึกขอบคุณสามีที่มีน้องร่วมสาบานที่ดีเช่นนี้ ....

ครึ่งปีผ่านไป เหตุการณ์เปลี่ยนแปลงไป คนรับใช้ของหม่าลี่ ไม่ได้นำของไปให้ภรรยาของลู่เหยาอีกแล้ว
ครึ่งเดือนก็แล้ว หนึ่งเดือนก็แล้ว สองเดือนก็แล้ว ภรรยาของลู่เหยาจึงต้องขายข้าวของที่หม่าลี่เคยส่งไปให้ เพื่อประทังชีวิต ไม่ถึงครึ่งปี ข้าวของทุกอย่างถูกขายจนหมด

นางจึงคิดจะทำงานเพื่อหาเลี้ยงตนเอง เนื่องจากนางเคยเรียนเย็บปักถักร้อยมาตั้งแต่เด็ก นางจึงลองเย็บรองเท้าผ้าที่คนสวมใส่กันเป็นประจำขาย อาจเพราะว่า นางมีฝีมือดี หรือชาวบ้านต่างสงสารนาง ก็มิอาจทราบได้ ทำให้ชาวบ้านพากันแย่งซื้อรองเท้าของนาง จนขายหมดเกลี้ยงทุกวัน ไม่ว่านางจะตั้งราคาสูงเพียงใดก็ตาม ....

พริบตาเดียว 10 ปีผ่านไป ลู่เหยาก็กลับมาในคืนหนึ่ง เมื่อเขารู้ว่า ตั้งแต่เขาจากไป หม่าลี่ไม่เคยมาดูแลภรรยาของตน และส่งของกินของใช้ให้เพียงครึ่งปี หลังจากนั้น ก็ไม่ได้ส่งของกินของใช้มาให้ภรรยาของตนอีกเลย

เขาทอดถอนใจ แล้วกล่าวว่า “ คนอยู่น้ำใจอยู่ เมื่อคนจากไปทุกอย่างก็เปลี่ยนไป “ ..... เมื่อหม่าลี่ ทราบข่าวว่าลู่เหยากลับมา จึงส่งคนไปเชิญมาเลี้ยงต้อนรับ แต่ลู่เหยาปิดประตูไม่รับแขก หม่าลี่จึงไปเชิญลู่เหยาด้วยตนเอง เขาคุกเข่าอยู่ที่หน้าประตู จนลู่เหยาจำใจต้องไปที่บ้านของหม่าลี่

ระหว่างกินเลี้ยงกัน ลู่เหยาต่อว่าหม่าลี่ที่ไม่ดูแลภรรยาของตน ซึ่งเปรียบเสมือนพี่สะใภ้ของหม่าลี่ก็ไม่ปาน
หม่าลี่จึงพาลู่เหยาเข้าไปที่สวนดอกไม้หลังบ้าน เขาเปิดประตูห้องใหญ่ห้องหนึ่งออก และเชิญลู่เหยาเข้าไป ลู่เหยาตกตะลึงจนตาค้าง เขาเห็นรองเท้าผ้ากองเต็มห้องไปหมด

ลู่เหยาเข้าใจทันที เขาจึงก้าวถอยออกจากประตูด้วยความละอายใจ และก้มลงคุกเข่าอยู่ที่หน้าประตูบ้านของหม่าลี่ ... หม่าลี่รีบเข้าไปพยุงให้ลู่เหยาลุกขึ้น แล้วกล่าวว่า เรื่องที่พี่ใหญ่ฝากฝังให้ข้าดูแลพี่สะใภ้นั้น ข้าไม่เคยลืมเลย แต่นึกไม่ถึงว่า ครั้งนี้พี่ใหญ่จะไปเนิ่นนานถึงสิบปี

เดิมทีข้าคิดจะอุดหนุนจุนเจือพี่สะใภ้ด้วยของกินของใช้บริบูรณ์ แต่อีกใจก็คิดว่าเมื่อนางได้มีกินมีใช้อย่างสุขสบาย วันๆไม่ต้องทำอะไร อาจเป็นเหตุให้นางก่อเรื่องที่มิดีมิงามขึ้นได้

ครั้นข้าจะไปดูแลนาง ก็เกรงว่าจะเป็นที่ครหา ให้นางเสียชื่อเสียง แล้วหากท่านกลับมา ข้าจะมาสู้หน้าท่านได้อย่างไร แต่ก้อน่านับถือที่พี่สะใภ้ รู้จักทำมาหากินด้วยความสามารถของนางเอง สมกับที่ข้าได้ตั้งใจไว้ ข้าจึงให้คนไปซื้อรองเท้าที่นางทำขายทุกครั้งไป ...

ลู่เหยาได้ฟังแล้วก็ซาบซึ้งยิ่งนัก เขายืนจ้องหน้าหม่าลี่อยู่นาน สักพักจึงกล่าวประโยคหนึ่งขึ้นมาว่า ลู่เหยา (หนทางไกล) รู้ใจหม่าลี่ (กำลังของม้า) กาลเวลาพิสูจน์ใจคน

คำกล่าวจีนที่ว่า หนทางพิสูจน์ม้า กาลเวลาพิสูจน์คน

จึงได้เผยแพร่สืบต่อกันเรื่อยมา โดยเราใช้คำพรรณานี้มองเห็นว่า การที่เราจะรู้อุปนิสัยใจคอของใครอย่างแท้จริงได้ ก็ต่อเมื่อได้อยู่ร่วมกับเขามาเป็นเวลานานพอสมควรแล้วนั่นเอง .....

17 ความคิดเห็น:

memo กล่าวว่า...

จากที่ได้อ่านบทความข้างต้นนี้ ดิฉันได้ตระหนักถึงความเป็นคน คนทุกคนจะมีคุณค่านั้น ก็ต้องรู้จักหน้าที่รู้จักการไขว่คว้าช่วยเหลือตนเอง ไม่ใช่การรอคอยให้ผู้อื่นมาช่วยเหลือจุนเจือเพียงอย่างเดียว รู้ถึงความไม่เกียจคร้านของภรรยาของลู่เหยา และอีกแง่หนึ่ง คือ ความมีน้ำใจของหม่าลี่ช่วยเหลือผู้อื่นที่ได้รับความลำบาก และการรักษาคำพูด รักษาคำมั่นสัญญาที่ได้ให้ไว้กับพี่ชาย เป็นเรื่องที่อ่านแล้วรู้สึกประทับใจมากในตอนจบ รู้สึกสนุกและได้ข้อคิดไปพร้อมๆๆกัน
_________________________________________
นางสาวมยุฉัตร จันทร์สงเคราะห์ เลขที่4
กลุ่ม2204 รหัสนิสิต 53430848

Nanthaporn กล่าวว่า...

จากที่ได้อ่านบทความข้างต้นนี้ ดิฉันเห็นถึงคุณค่าของคน คนต้องรู้จักหาหนทางของตัวเองทำมาหากินเลี้ยงชีพจากความสามารถของตน เพราะคงไม่มีใครส่งเสียเลี้ยงดูตนตลอดชีวิต เห็นถึงการรักษาคำพูดที่ตนเคยพูดไว้ ความมีน้ำใจช่วยเหลือบุคคลที่มีบุญคุณ รู็สึกสนุกได้คิดตามเนื้อเรื่อง ให้ข้อคิดมากมาย

นางสาว นันทภรณ์ จันทร์ศรี เลขที่ 36
กลุ่ม 2204 รหัส 53431137

Nhaykon กล่าวว่า...

จากบทความที่ได้อ่าน ได้ความคิดที่ว่า บุคคลที่เราได้รู้จักหรือคบค้าสมาคมด้วยนั้นเป็นคนแบบใดยากที่จะรู้ ว่าจริงๆเค้าเป็นคนเช่นไร เราอาจได้ยินจากคนอื่นว่าเค้าเป็นคนดีหรือไม่ดี แต่ในความจริงแล้วเค้าอาจจะเป็นคนดีก็ได้ โดยใช้เวลาเป็นตัวพิสูจน์ว่าเค้าเป็นคนเช่นไร

น.ส.ทิฆัมพร หน่ายคอน เลขที่ 11
รหัสนิสิต 53430894 กลุ่ม 2204

Pairin S. Ning shalala กล่าวว่า...
ความคิดเห็นนี้ถูกผู้เขียนลบ
Pairin S. Ning shalala กล่าวว่า...

จากที่ได้อ่านแล้ว ทำให้ดิฉันรู้ค่าของความเป็นคน รู้จักหน้าที่ของตน ขยันไม่เกียจคร้าน เรื่องนี้สอนให้เราได้รู้อะไรหลายๆอย่าง ทำให้ดิฉันรู้สึกประทับมากๆ เลยค่ะ

น.ส.ไพรินทร์ แสงสว่าง เลขที่ 16
กลุ่ม 2204 รหัส 53430905

Toey Ping Ping กล่าวว่า...

จากบทความนี้ แสดงให้เห็นว่าการที่เรานั้นจะเลือกที่จะคบใครเป็นเพื่อนนั้นเราจะต้องเรียนรู้นิสัยใจคอของเค้าเสียก่อนเพราะเราทุกคนนั้นก็มีทั้งด้านดีและไม่ดีใครคนเดียวกันเพราะฉะนั้นเราจึงต้องใช้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าเพื่อนของเรานั้นเป็นคนดีหรือไม่ดี

น.ส.ละมัย บรรดาศักดิ์ เลขที่ 43
รหัส 53431156 กลุ่ม 2204

Toey Ping Ping กล่าวว่า...
ความคิดเห็นนี้ถูกผู้เขียนลบ
chawanna กล่าวว่า...
ความคิดเห็นนี้ถูกผู้เขียนลบ
chawanna กล่าวว่า...
ความคิดเห็นนี้ถูกผู้เขียนลบ
chawanna กล่าวว่า...
ความคิดเห็นนี้ถูกผู้เขียนลบ
chawanna กล่าวว่า...

บทความนี้แสดงให้เห็นว่าเวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์คนๆนั้นได้ดีที่สุดการที่เราจะประเมินคนซักคนหนึ่งว่าเขาดีหรือไม่ดีต้องใช้ระยะเวลาในการดูนานๆ และจะเห็นได้ว่าเพื่อนต้องดูกันตอนลำบาก เพราะเวลามีความสุขนำมาวัดไม่ได้ และบทความนี้ยังสอนให้เราเป็นคนคิดที่จะช่วยเหลือตัวเองก่อนที่จะไปพึ่งคนอื่น บทความนี้เป็นบทความที่น่าสนใจอีกเรื่องหนึ่งที่อ่านแล้วรู้สึกว่าได้ข้อคิดเป็นอย่างมาก

นางสาวชวัลนา ถมยาพงศ์
เลขที่ 31 รหัสนิสิต 53431126
กลุ่ม 2204

JaJa_I กล่าวว่า...

จากที่ได้อ่านบทความข้างต้นนี้ ทำให้ดิฉันรู้ว่าคนทุกคนต่างก็ต้องพึ่งพาอาศัยอยู่ด้วยตนเอง ไม่ใช่ที่ว่าจะรอคนโน้นคนนี้มาช่วยเหลือเพียงอย่างเดียวแล้วเรื่องการพิสูจน์คนไม่ใช่แค่ว่าเห็นเค้าได้รู้จักเค้าแค่ไม่เท่าไหร่ก็บอกว่าเค้าดีอย่างนั้นอย่างนี้เรื่องอย่างนี้มันต้องใช้เวลาเป็นเครื่องตัดสินใจเป็นอย่างมาก บทความเรื่องนี้อ่านแล้วมีความสนุกและทำให้เราได้คิดตามและยังได้อะไรใหม่ ๆ อีกด้วย

นางสาว กชศิญา ภู่ประสงค์ เลขที่ 9 กลุ่ม 2204 รหัส 53430881

BaNPhaNza กล่าวว่า...
ความคิดเห็นนี้ถูกผู้เขียนลบ
NT กล่าวว่า...

จากบทความที่ได้อ่านข้างต้น ดิฉันได้รู้ถึงการเอาตัวรอดเมื่อเราเคยอยู่อย่างสุขสบายโดยรอให้คนอื่นมาช่วย แต่เมื่อมีไม่ใครช่วยเรา เราก้ควรช่วยตัวเองเหลือ ความมีน้ำใจในการที่จะช่วยเหลือผู้อื่นเมื่อเดือนร้อน และการรักษาคำพูด รู้สึกสนุก และำได้ข้อคิดที่เป็นประโยชน์ที่สามารถนำไปปรับใช้ในชีวิตประจำวัน


นางสาว นิสารักษ์ ดิถีเพ็ง กลุ่ม 2204 รหัส 53431138

Teana กล่าวว่า...

จากบทความที่ได้อ่าน ดิฉันได้รู็ถึงการรักษาคำพูด คนเราควรรักษาคำพูดเมื่อสัญญาอะไรกับใครไว้ และความมีน้ำใจในการช่วยเหลือคนอื่นเมื่อเดือดร้อน และการเอาตัวร้อนในยามคับขัน

นางสาว ธัญญาภรณ์ ชัยจำ กลุ่ม 2204 รหัสนิสิต 53430898

VIOLET กล่าวว่า...
ความคิดเห็นนี้ถูกผู้เขียนลบ
SUCKANDJOY กล่าวว่า...

....................../´¯/)
....................,/¯../
.................../..../
............./´¯/'...'/´¯¯`·¸
........../'/.../..../......./¨¯\
........('(...´...´.... ¯~/'...')
.........\.................'...../
..........''...\.......... _.·´
............\..............(
..............\.............\...